วันที่ 25 ตุลาคม 2567 นายชูพงศ์ อิศรัตน์ ผู้อำนวยการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ ได้มีหนังสือด่วนที่สุดแจ้งเตือนไปยังประชาชน เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ด้านท้ายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ให้ทราบถึงการระบายน้ำ ซึ่งระหว่างวันที่ 25 – 26 ตุลาคม ทางเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะมีการปรับการระบายน้ำ เนื่องจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์รับน้ำได้ปริมาณสูงสุดที่ 906 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่พบว่ายังคงมีปริมาณน้ำไหลลงสู่อ่างเพิ่มขึ้นที่ในปัจจุบันปริมาณน้ำในอ่างมี 907.50 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 94.53 โดยมีน้ำไหลลงอ่าง 27.37 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 235.83 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
เพื่อเป็นการรองรับน้ำที่ยังคงไหลสู่ตัวอ่างทำให้ต้องมีการปรับการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อน 3.05 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 35.34 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โดยทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์จะดำเนินการปรับเพิ่มการระบายน้ำ โดยทยอยปรับเพิ่มขึ้นเป็นลำดับในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 จะเพิ่มการระบายจากอัตรา 35 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นอัตรา 50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และในวันที่ 26 ตุลาคม 2567 จะเพิ่มการระบายจากอัตรา 50 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นอัตรา 70 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดต่อทรัพย์สินของประชาชน จากการที่ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมอีกประมาณ 30-40 เซนติเมตร โดยระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นยังอยู่ในลำน้ำไม่เกิดสภาวะน้ำล้นตลิ่งแม่น้ำป่าสัก ทั้งนี้ขอให้ประชาชนยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดด้วย