นางแบบ-เน็ตไอดอลสาววัย 23 ปี ร้องเอาผิดคนปล่อยคลิปลับ เผยทั้งน้ำตา ทำไมต้องทำกันขนาดนี้

นางแบบสาวชื่อดัง พร้อมนาย เอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เข้าแจ้งความกับพลตำรวจตรี ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 หลังถูกผู้ไม่หวังดีปล่อยคลิปส่วนตัวกับแฟนเก่าผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ทำให้ได้รับความเสียหาย

เธอ บอกว่า คลิปดังกล่าวแฟนเก่าเป็นคนถ่ายไว้ ตอนที่เลิกกันช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้วได้แจ้งให้แฟนเก่าลบคลิปดังกล่าวทิ้งจากมือถือไปแล้ว แต่ต่อมากลับมาคลิปหลุดออกมาในโซเชียล เมื่อถามอดีตแฟนเก่าก็บอกว่า ไม่ได้เป็นคนปล่อย แต่เธอยังไม่เชื่อ เพราะยังไม่ชี้ชัดได้ว่าฝ่ายชายเป็นคนปล่อยหรือไม่ อีกทั้งฝ่ายชายก็อ้างว่า ไม่ได้นำมือถือไปส่งซ่อมหรืออะไร

เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงสภาพจิตใจหลังเกิดเหตุ เจ้าตัวได้หยุดชะงักไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า ตอนนี้เริ่มมีสภาพจิตใจที่โอเคขึ้น เพราะมีหลายคนที่ส่งกำลังใจให้ รวมทั้งหลายคนก็ให้เกียรติด้วยการไม่แชร์ต่อและช่วยกันกดรีพอร์ตคลิป

เธอพูดทั้งน้ำตาว่า “ไม่เข้าใจว่าคนที่ปล่อยคลิปมีวัตถุประสงค์อะไร ทำไมต้องใจร้ายกับเธอด้วย ซึ่งขอความเห็นใจแก่โซเชียลมีเดียว่า โปรดให้เกียรติ หากเห็นคลิปดังกล่าว ก็ขอไม่แชร์ต่อ อย่าดู หรือช่วยกันกดรีพอร์ตจะดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นฝีมือใครก็ตามจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

ขณะที่นายเอกภพ เปิดเผยว่า คดีนี้นั้น แฟนเก่าคู่กรณีไม่ใช่คนที่เป็นคนสัญชาติเกาหลีที่มีชื่อเสียงตามที่มีหลายคนตั้งข้อสงสัย แต่เป็นคนที่คบหากันหลังจากเลิกรากับคนเกาหลี ส่วนแฟนเก่าซึ่งออกมาตอบโต้ว่าไม่ได้เป็นคนทำ ตั้งข้อสงสัยว่า แล้วคลิปหลุดไปได้ยังไง ในเมื่อคุณไม่ยอมลบคลิปดังกล่าวตามที่ตกลงกัน มองว่าต่อให้อ้างว่านำโทรศัพท์มือถือไปส่งซ่อมแล้วคลิปหลุดจากช่างซ่อมมือถือนั้น ยังไงก็ฟังไม่ขึ้น

พลตำรวจตรี ชัชปัณฑกาณฑ์ เปิดเผยว่าหลังจากนี้ นอกจากจะต้องให้ทางพนักงานสอบสวนหญิงสอบปากคำผู้เสียหายแล้ว จะใช้เครื่องมือพิเศษของตำรวจไซเบอร์ในการตรวจวิเคราะห์บรรดาโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่มีการแชร์คลิป รวมทั้งจะออกหมายเรียกแฟนเก่าของผู้เสียหาย ซึ่งถือเป็นต้นตอหลักมาให้ปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่

พร้อมย้ำว่า นอกจากจะเอาผิดถึงผู้ที่นำคลิปมาลงในโซเชียลมีเดียแล้ว จะเอาผิดถึงคนที่แชร์ต่อตามโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ใครเป็นคนแชร์ คนนั้นก็มีความผิดด้วย ซึ่งถ้าหากตรวจสอบแล้วสามารถพิสูจน์ทราบว่าใครเป็นผู้แชร์บ้าง ก็จะออกหมายเรียกมาดำเนินคดีทั้งหมดโดยไม่ละเว้น

ขณะที่ฝ่ายชาย ชื่อย่อ ย.ยักษ์ เป็นอดีตแฟนหนุ่มของนางแบบสาว ผู้เสียหาย ล่าสุดเขาโพสต์ข้อความชี้แจงผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัวว่า “จากกรณีเหตุการณ์ดังกล่าวที่ทุกคนคาดเดากัน บุคคลคนนั้นคือผมเองครับ ซึ่งผมเป็นอดีตแฟนเก่าของผู้เสียหาย ผมรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก ผมได้โทรหาผู้เสียหายและพูดคุยกันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น และผมได้ขอโทษผู้เสียหายจากใจจริง และแสดงความบริสุทธิ์ต่อผู้เสียหายว่า ผมไม่ได้เป็นคนเผยแพร่คลิปหรือส่งต่อถึงบุคคลอื่นแต่อย่างใด

ผมขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ในการขอโทษผู้เสียหายและครอบครัวอีกครั้ง ที่ทำให้เกิดความเดือดร้อน และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตต่อผู้เสียหาย และบุคคลอันใกล้ชิดด้วยครับ ผมขอโทษจากใจจริงครับ”

จากนั้นในเวลาต่อมา เจ้าตัวได้โพสต์ชี้แจง และยืนยันเพิ่มเติมว่า “ผมขออนุญาตออกมายืนยันว่า บุคคลที่ถูกกล่าวหา และถูกโจมตี (คนคุยของผม) ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายเรียบร้อยแล้วครับ

ทางผมได้ให้ความร่วมมือกับผู้เสียหายในการร่วมกันรวบรวมหลักฐาน สำหรับการดำเนินคดีและตามหาผู้กระทำความผิด และจะดำเนินคดีต่อไปให้ถึงที่สุดครับ”

ทีมข่าวติดต่อไปที่นาย ย.ยักษ์ ฝ่ายชาย เขายังไม่ขอให้สัมภาษณ์ แต่ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตนเองก็สงสัยว่าคลิปหลุดไปได้อย่างไร เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้เคยเอาโทรศัพท์ไปซ่อมหรือไม่ เจ้าตัวยืนยันว่า ไม่ได้เอาไปซ่อม

ผู้สื่อข่าวเลยถามต่อว่า แล้วคิดว่าโทรศัพท์โดนแฮ็ก หรือมีการไปกดลิงก์ต้องสงสัยอะไรหรือไม่ เจ้าตัวบอกว่า ตนก็สงสัยเหมือนกัน และกรณีที่โดนแฮ็กก็ไม่รู้ว่าจะโดยวิธีการใดได้

เมื่อถามว่าทางผู้เสียหายให้ลบคลิป แล้วลบหรือไม่ ในประเด็นนี้ เจ้าตัวขอไม่ตอบ แต่จะขอไปชี้แจงกับทางตำรวจทีเดียว ขณะนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานมาให้เดินทางไปให้ข้อมูลแต่อย่างใด ตนเองก็ยังรออยู่ และยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่

ทั้งนี้ ยอมรับว่าตนเองเป็นห่วงผู้เสียหายมากกว่า และในส่วนของตัวเอง ได้ไปลงบันทึกประจำวันแจ้งความไว้ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท.ไว้แล้ว