นายกฯ ชี้ ต้องให้หน่วยงานที่น่าเชื่อถือตรวจสอบข้าว 10 ปี กินได้หรือไม่ หลัง “นักวิชาการ” พบสารก่อมะเร็งในข้าว ยืนยัน หากไม่ปลอดภัยก็ไม่ขาย ก่อนส่งออกต้องตรวจสอบอยู่แล้ว - ขอบคุณสื่อเป็นหลังชิมข้าว10 ปีแล้ว บอกยังยืนอยู่ตรงนี้และทำงานมาตั้งแต่เช้า
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ถึงกรณีที่มีนักวิชาการนำข้าวในโครงการรับจำนำข้าว ที่มีอายุถึง 10 ปี ไปตรวจและพบสารก่อมะเร็ง ว่า ก่อนจะมีการส่งออกต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน ว่า ข้อเท็จจริงคืออะไร
ส่วนที่มีการถกเถียงเรื่องนี้จนบานปลายและมองว่าข้าว 10 ปีกินไม่ได้แล้ว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็อย่าให้มันบานปลาย อยากให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ถ้าไม่ปลอดภัยเราก็ไม่ทำ เรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้ว
เมื่อถามมีเสียงคัดค้านนำเข้าไปรับประทาน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯย้อนถามกลับว่าเสียงคัดค้านมาจากอะไร ถ้ามีข้อเท็จจริงร่วมอยู่ด้วย พิสูจน์ทราบได้ว่า สามารถบริโภคได้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ถ้าทำการทดสอบแล้วมีปัญหา ตนเชื่อว่าก็ไม่ขายอยู่ดี
เมื่อถามว่าเหตุใดจึงไม่มีการตรวจสอบก่อนที่จะนำออกมาเป็นข่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เดี๋ยวก็คงมีการตรวจสอบ และคิดว่าควรจะเป็นหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ เพราะหากเป็นหน่วยงานภาครัฐเดี๋ยวก็จะไม่เชื่อถืออีก ก็น่าจะต้องเป็นหน่วยงานที่สามารถตรวจสอบได้ แล้วก็มีความน่าเชื่อถือสูง เพราะเราไม่อยากให้มีธงไว้ก่อนว่า ข้าวดังกล่าวจะต้องปลอดภัย แต่ธงของเราคือข้าวต้องมีความปลอดภัย แต่ถ้าไม่ปลอดภัยเราก็ไม่ทำยืนยัน
เมื่อถามว่า ควรให้หน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือตรวจสอบเลยหรือไม่ เพื่อที่ได้จบดราม่า ว่า ข้าวกินได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนไม่ทราบกรรมวิธีในการตรวจสอบ แต่ถ้าเร่งก็จะไม่ครบถ้วน ไม่สมบูรณ์ เดียวก็มีปัญหาอีก ขอให้ใจเย็นก่อน เชื่อว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตระหนักดีในข้อนี้
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะเป็นผู้ตรวจสอบเอง หรือให้เอกชนที่ประมูลได้ไปตรวจสอบ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตรงนี้ต้องมีที่สบายใจของทุกฝ่าย เราตรวจสอบแล้ว ถ้าเขาไม่สบายใจเขาตรวจสอบอีกได้ ถ้าจะให้ดีทุกภาคส่วน ต้องมีส่วนรู้เห็น ไม่ใช่ว่าไปแอบทำ
เมื่อว่าท้ายสุดหากผลออกมา มีสารก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ต้องเอาไปทำอย่างอื่นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปคาดเดา ให้ผลออกมาก่อน แล้วค่อยไปคิดต่อว่าจะทำอย่างไร หรือจะไม่ทำ
ผู้สื่อข่าว ยังแซว ว่า หลายคนเป็นห่วง เพราะนายกรัฐมนตรีก็ทานข้าวล็อตนี้ไปแล้วใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “รับประทานไปแล้วครับ”
ผู้สื่อข่าวจึงถามต่อว่าเป็นอะไรหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยิ้ม พร้อมกล่าวว่า “ไม่เป็นไรครับขอบคุณที่เป็นห่วง วันนี้ก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ภารกิจก็มีตั้งแต่เช้า แต่อย่าให้บอกดีกว่า ว่าทานแล้วมันไม่เป็นอะไร พวกท่านเสนอความเป็นห่วงเป็นใยมา ก็ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิสูจน์ทราบทางด้านวิทยาศาสตร์ออกมาก่อนดีกว่า ”
เมื่อถามว่า ตามหลักของข้าวแล้ว 3 ปี ให้ตีว่าเป็นข้าวเน่า แต่ข้าวในโกดังนี้อยู่ถึง 10 ปีจะเชื่อถือได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มันไม่จริงหรอกครับ มันขึ้นอยู่กับวิธีการเก็บ และกรรมวิธีอีกหลายอย่าง ถ้าเก็บไม่ดีบางทีก็ไม่ถึง 3 ปี เอาเป็นว่า ขอให้รอการพิสูจน์ทราบทางวิทยาศาสตร์ ว่าปลอดภัย
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมาพันธ์ชาวนาแห่งประเทศไทย ระบุว่าข้าวที่เก็บไว้เกิน 3 ปีถือเป็นข้าวเน่าว่า ขอเรียนว่าไม่ใช่นะครับ ทีโออาร์ ที่ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือป.ป.ชเคยให้ทำผลการวิจัย ตรวจสอบคุณภาพข้าวที่เข้าโครงการรับจำนำปี 2548 ถึง 2549 โดยมีการ สีข้าวเป็นข้าวสารแล้ว 3 ปี 4 เดือน มีการรายงานออกมาอย่างเป็นทางการ ว่าข้าวที่เก็บไว้ 3-4 เดือนดังกล่าว เมื่อตรวจแล้วมีความเสื่อมเรื่องราคา คุณภาพเสื่อม 2.71%แบะเสื่อมปริมาณน้ำหนักหาย0.72% รวมความเสื่อมของข้าว 3.43% แต่คณะกรรมการตรวจบัญชีเข้าไปตรวจข้าวปี 2556 อายุ1 ปี มีการปรับราคา ผิดไปจากหลักวิชาการโดยสิ้นเชิง แต่ไม่มีการออกมารับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น และข้าวที่อยู่ในสต๊อกเกิน 10 ปีก็เคยมี ไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งแรก แต่เวลาจะไปชิม ผู้ประมูลขายจะต้อง มีขบวนการปรับปรุงคุณภาพข้าว หลายคนบอกว่าข้าวอย่างนี้กินไม่ได้ คนเราแต่ละคนย่อมมีฐานะและกำลังซื้อไม่เท่ากัน คนที่มีฐานะข้าวแบบนี้เขาอาจจะไม่กิน ก็จะเลือกข้าวที่ใหม่และสดกว่า ซึ่งในโลกนี้คน 7 พันล้านคน คนที่กินข้าวแบบนี้ก็มีเยอะ ซึ่งพ่อค้าข้าวมีตลาดพวกนี้อยู่ในมือ อยู่แล้ว คนที่ออกมาพูดว่าข้าว 3 ปีเป็นข้าวเน่าถือเป็นวาทกรรมมุ่งที่จะด้อยค่าข้าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้าวสารที่เก็บไว้ 10 ปีคุณภาพข้าวยังจะสามารถใช้รับประทานได้หรือไม่ นายชัยกล่าวว่า 10 ปีคุณภาพย่อมไม่เท่ากับข้าวใหม่ 1-2 ปี คุณภาพย่อมลดลงไป คุณค่ารถไปตามส่วน ยืนยันไม่ใช่ข้าวเน่าแน่นอน ข้าวทุกเม็ดที่อยู่ในโกดังเป็นสมบัติของประเทศ และของพวกเราทุกคน หากยังมีราคาอยู่ผ่านกระบวนการปรับปรุง คุณภาพและขายออกไปตลาดที่พร้อมจะบริโภค ทั้งนี้พ่อค้าที่ไปร่วมพิสูจน์ที่จังหวัดสุรินทร์ถือเป็นพ่อค้ารายใหญ่ หาก ไม่มีการประมูล เขาพร้อมซื้อเพราะเขามีตลาด โดยยินดีจะซื้อในกิโลกรัมละ 15 บาท พ่อค้ารายนี้ถือเป็นหนึ่งในห้าของผู้ค้ารายใหญ่ที่ส่งออกต่างประเทศ พร้อมที่จะเหมาทั้งหมด แต่เรายังทำไม่ได้เพราะต้องเปิดประมูล
เมื่อถามว่าจะมีหน่วยงานภาครัฐไปร่วมทดสอบคุณภาพข้าวด้วยหรือไม่ พอมีการห่วงในเรื่องของสารตกค้างในข้าว โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า ข่าวที่ออกมาทางโซเชียลไม่มีการยืนยันว่าเอาข้าวมาจากไหนที่จังหวัดสุรินทร์หรือไม่ การตรวจก็ไม่ชัดเจน เจอระดับเท่าไหร่ก็ไม่ชัดเจน บอกแค่ว่าเป็น Positive คือบวก บอกว่าน่าจะแต่ไม่ได้เกิดจริง ทั้งที่ศาลอะฟลาท็อกซิน สารก่อมะเร็งอยู่ในระดับปลอดภัย ไม่เกิน 20
พีพีบี ถ้าตรวจสอบเจอ 1 ถึง 25 ถือว่าไม่มีปัญหา และสารที่ใช้ในการรมควัน ตามข่าวออกมา รมควันถึง 20 ครั้ง เฉลี่ย 6 เดือนครั้ง ซึ่งจริงๆแล้วการรมควันเวลาผ่านไป 1 เดือนก็ระเหยไปหมดแล้ว สารที่นำมาใช้ก็ต้องผ่าน องค์การอาหารและยาว่าสารเหล่านี้มีความปลอดภัย ข่าวแบบนี้ทำให้ประชาชนที่รับข่าวสารเกิดความตกใจเพราะไม่รู้ ข้อมูล ดังกล่าว ยืนยันว่าไม่จริงผิดไปจากหลักและวิชาการ แต่กลับใช้จินตนาการ
เมื่อถามว่า รองศาสดาจารย์ดอกเตอร์ วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด อาจารย์ภาควิชาเคมีคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ออกมาเปิดเผยผลการตรวจสอบตัวอย่างข้าวดังกล่าว จากจังหวัดสุรินทร์ พบว่ามีสารก่อมะเร็งที่อันตราย ในระดับ 20 พีพีบี รัฐบาล รับได้หรือไม่ หากตรวจรับพบจริงตามที่อาจารย์อ๊อดเปิดเผยมา นายชัช กล่าวว่า รัฐบาล รับได้ แต่ขอเพียงว่าใช่แน่หรือไม่ ไม่ใช่เอาข้าวที่อื่นแล้วมาอุปโลกว่าเป็นข้าวที่จังหวัดสุรินทร์ ที่สำคัญต้องให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นผู้ตรวจ ซึ่งอธิบดี ออกมายืนยันแล้วว่ายังไม่มีใครนำข้าวมาตรวจอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ ข้าวดังกล่าวเอามาได้อย่างไร ก็ไม่ใช่อยู่ๆจะเดินไปแล้วหยิบเอาข้าวดังกล่าวออกมาได้เลยซึ่งต้องมีกระบวนการ และตรวจเจอเท่าไหร่ตรวจด้วยวิธีการไหน จึงอยากให้ผู้สื่อข่าวช่วยยืนยันว่าใช่ข้าวล็อตนี้หรือไม่ และในโซเชียลก็ไม่ได้บอกว่าไปตรวจสอบที่แล็บไหน ผู้ตรวจสอบเป็นนักวิชาการที่น่าเชื่อถือหรือไม่ อยากจะขอรายงานที่เป็นทางการให้มายืนยันกับรัฐบาลด้วย อย่างไรก็ตามตนยังไม่เห็น สิ่งที่อาจารย์อ๊อดตรวจสอบ เป็นแค่การพูดต่อๆกันมา ฉะนั้นจึงอยากให้อาจารย์อ๊อดนำของจริงออกมา เปิดเผยให้เป็นเรื่องราว คลิปที่ปล่อยทางโซเชียลถือว่าคลุมเครือ ทำไมไม่ทำให้ชัดเจน
เมื่อถามว่ารัฐบาลได้ส่งข้าวให้หน่วยงาน ภาครัฐที่น่าเชื่อถือตรวจสอบแล้วหรือยังนายชัยกล่าวว่า อยู่ระหว่างขั้นตอน ทั้งนี้เข้าล็อตนี้เราต้องการจะ เปิดประมูล ตามขั้นตอนหากใครสนใจที่จะประมูลก็มาดูและนำตัวอย่างไปปรับปรุงคุณภาพว่าสามารถส่งออกหรือไปทำอะไรได้ และสามารถมาขอตัวอย่างไปได้ และถ้าใครต้องการจะซื้อจริงๆและขอให้รัฐบาลตรวจสอบเราก็พร้อมที่จะตรวจสอบให้
“แปลกมากข้อมูล คนจำนวนหนึ่งที่เข้าไปในพื้นที่ นำตัวอย่างเข้ามาหุงให้ข้อมูลอย่างหนึ่ง แต่กลุ่มคนที่ไม่ได้ไป ส่วนใหญ่ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ใช้จินตนาการเอา หากข้าวล็อตนี้ ไม่ได้เด้าจริงยังบริโภคได้ แม้คุณภาพจะไม่เท่าเดิม ได้ลงบ้างแต่มันก็ขายได้กิโลกรัมละ 15 บาทและกินได้ ผลที่ออกมาจะเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่พิสูจน์ได้ว่า คนที่โจมตีเรื่องข้าวเน่าตลอด ในประวัติศาสตร์ 10 ปีที่ผ่านมา ข้าวเน่า ๆสังคมก็คิดว่าข้าวเน่าหมด มันจะเริ่มหางโผล่ ไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกโจมตีมาตลอด 10 ปี ขอฝากสื่อมวลชนช่วยไปสอบว่าก่อนหน้านี้วาทกรรมข้าวเน่า มีผลทำให้ข้าวอายุ 2-3 ปีถูกขายไปในราคาเท่าไหร่ ถ้าข้าวชุด 10 ปีขายในราคา 15 บาทต่อกิโลกรัมได้ และข้าว 2-3 ปีขายได้ในราคา 8-10 บาทต้องลองไปขุดคุ้ยกันหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น”นายชัยกล่าว
เมื่อถามว่าแสดงมองว่าเป็นการนำการเมืองมาครอบเรื่องข้าวใช่หรือไม่นายชัยกล่าวว่า ในทางกลับกันมีคนกล่าวหาว่า เป็นการฟอกขาวให้ฝั่งรัฐบาล ตนจึงคิดว่าการพยายามออกมาด้วยค่าข้างชุดนี้เป็นการพยามกลบเกลื่อนลวงโลก หลอกลวง คนมา 10 ปีหรือไม่เพราะไม่ต้องการ ให้ระบายข้าว ชุดนี้สำเร็จหรือไม่ ขัดขวางเพื่ออะไรเพราะหลอกมาตลอดหรือเปล่า คนที่เคยร่วมอยู่ในขบวนการนั้นอาจจะกลัวความจริงปรากฏ ทั้งนี้เนื่องจากสังคมอยากรู้ความจริง จะมีความขอความร่วมมือกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขมาตรวจสอบ ที่ผ่านมายืนยันว่า ข้าวที่ผ่านมา 25 ล้านตัน 250 ล้านกระสอบ ถูกขายไปแล้วมากกว่า 240 ล้านกระสอบไม่เคยมีปัญหาแม้แต่ครั้งเดียว แล้วที่ผ่านมาข้าวเกิน 10 ปีก็มีคนซื้อ ฉะนั้นอย่าพูดเลยว่าเป็นข้าวเน่า อย่างไรก็ตามไม่ได้คิดจะ ฟ้องนักวิชาการหรือสื่อที่ออกมา ทำให้เรื่องข้าว 10 ปีของรัฐบาลเกิดความเสียหาย แต่ขอให้ช่วยกันตรวจสอบข้อเท็จจริงจะดีกว่า
นายชัช กล่าวว่า ตนไม่กบัวเพราะพูดความจริง รัฐบาลแลงตามข้อเม็จจริงแต่ก็ทีคนมโนสร้างเรื่องเพื่อกันไม่ให้ระบายข้าวนี้ออกไป และมีออฟชั่นว่า สร้างเงื่อนไข ข้าว เน่าขายให้คนบริโภคเห็นแก่เงินหรือเปล่ามีเชื้อราสร้างข้อโต้แย้งทุกอย่าง ซึ่งอาจเป็นพฤติกรรมที่พยายามกลบเกลื่อนคำโกหกคำโกงมาตลอด 10 ปี และเห็นว่าเป็นการสร้างวาทกรรมทำลาย กันในทางการเมือง และเปิดช่องให้ พรรคพวกได้ข้าวมาช้อนซื้อข้าวที่ดีอยู่ในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อหาประโยชน์หรือไม่ ขอสื่อช่วยขุดคุ้ยตรวจสอบตรงนี้ด้วย