นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เดินทางยื่นหนังสือถึง พันตำรวจเอกสุรเดช ฉัตรไชย ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ติดตามความคืบหน้าคดี หลังเมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา ได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์เอาผิด พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และภรรยา รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง ฐานเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินในคดี BNK Master
ทนายตั้ม ระบุว่า ตนเองเดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้น ตนเองได้นำหลักฐานและพยานบุคคลมาให้ทางตำรวจเตาปูน ทำการสอบปากคำเอาไว้ทั้งหมดแล้วเป็นที่เรียบร้อย แต่ถึงขณะนี้เป็นเวลานานกว่า 30 วันแล้ว พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีไม่มีการติดต่อมาเพื่อแจ้งความคืบหน้าใดๆ กับทางตนเองในฐานะผู้ร้องทุกข์ รวมถึงยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมในคดี วันนี้จึงเดินทางนำหนังสือแจ้งเตือนครั้งที่ 1 มาทำการยื่นถึงผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลเตาปูน เพื่อเป็นไปตามขั้นตอนและสายบังคับบัญชา
ทนายตั้ม ยังระบุอีกว่า ที่ผ่านมาตนเองก็เห็นทางตำรวจเตาปูนทำงานมาโดยตลอด อย่างเช่นคดีของพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ก็มีการทำงานกันเป็น ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนเองขอชมเชยไม่มีการตำหนิทำงานใดๆ แต่ในคดีที่ตนตนเองมาร้องทุกข์และนำพยานหลักฐานมายื่นให้กลับเงียบสนิทลงไป จนถึงขั้นต้องทำเรื่องตามความคืบหน้าในวันนี้
ตนเองยังได้ข่าวมาอีกว่า มีความพยายามจะบอกว่า พลตำรวจเอกต่อศักดิ์ มีเส้นเงินที่ไม่ตรง เพราะว่าเส้นเงินเข้าออกไม่ตรงกัน คล้ายเป็นการพยายามทำให้พ้นข้อหาฟอกเงิน และให้เหลือแค่ภรรยา ตนเองจึงอยากฝากไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง อย่ามีการพยายามแปลกฎหมายไปในทิศทางที่ผิดเพี้ยน เพราะมันจะส่งผลกระทบต่อการตีความกฎหมายในคดีอื่นๆ เพราะเงินเข้าบัญชีจากการกระทำความผิดหากเข้าบัญชีไปแล้ว ก็เป็นเรื่องของคนที่ถือบัญชีว่าจะนำเงินไปใช้วันไหน และคดีนี้ก็มีมาตรฐานที่ตำรวจดำเนินคดีกับทางพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ อยู่แล้ว จึงไม่มีมีความจำเป็นที่ต้องมีการตีความใหม่
ส่วนทางคณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีเป็นคนตั้งไว้ เพื่อมาดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ ตนเองก็จะขอรอดูว่าที่มีกระแสข่าวว่าภายในอาทิตย์นี้ จะมีการแถลงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมอีกครั้งจะออกมาในทิศทางใด ตนเองยังไม่ขอพูดถึง แต่หากมีการแถลงข่าวเสร็จสิ้นไปเรียบร้อย ตนเองจะตรวจสอบข้อเท็จจริงและอาจจะมีการเปิดแถลงข่าวตามหลังอีกครั้ง ตนเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีการพยายามฟอกขาวให้ใครในคดีนี้หรือไม่ หรือจะดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาให้ประชาชนเกิดความไว้ใจในกระบวนการยุติธรรม
ส่วนตัวยังรู้สึกว่าคดีของที่ตนเองมาแจ้งความร้องทุกข์ กับคดีที่ตำรวจดำเนินคดีกับพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน เพราะคดีตนเองมีการนำพยานหลักฐานมายื่นให้กับทางตำรวจ แต่ตำรวจไม่มีการดำเนินการใดๆ เพิ่มเติมในคดี ซึ่งแตกต่างกับทางคดีที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ โดนดำเนินคดี
นอกจากนี้ ตนเองยังมีการสืบทราบพบบ้านมูลค่าหลักร้อยล้านอีกหลังหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่เขา มีการซื้อต่อมาจากไฮโซรายหนึ่ง ซึ่งตัวบ้านเป็นบ้านที่ทำจากไม้สักทองทั้งหลัง ไม่ทราบว่าตำรวจได้มีการตรวจสอบในประเด็นนี้บ้างหรือยัง เพราะเป็นข้าราชการเหตุใดจึงมีเงินมากมายขนาดนี้ ตัวของอดีตภรรยาทราบว่าเคยเป็นนางพยาบาลในจ.มุกดาหาร แต่ต่อมาก็ทราบว่าไม่ได้ทำงานอะไร เหตุใดจึงมีเงินมาซื้อบ้านมูลค่าหลักร้อยล้านได้แบบนี้
แต่ในส่วนของตนเอง ได้ทราบทราบข้อมูลจากทางสายลับว่า เงินและทรัพย์สินดังกล่าวมาจากส่วยทางหลวง และกลุ่มธุรกิจ 18 ธุรกิจ และเว็บพนัน จึงอยากให้ตำรวจตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะเรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่จะเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด และที่ผ่านมาก็ไม่เห็นมีการออกมาแถลงข่าวชี้แจงใดๆ หากไม่ใช่เรื่องจริงคงมีการออกมาปฏิเสธอย่างเป็นเรื่องเป็นราวไปแล้ว หรือมีการฟ้องกลับตนเองไปแล้ว
ในส่วนของไม้สักทอง ตนเองยังมีข้อมูลอีกว่าได้มาจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในอ.แม่สอด จ.เชียงราย ขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นผู้กำกับการ จะทราบว่าตอนนี้ติดยศพลตำรวจตรีเป็นผู้บังคับการเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตัวบทคนนี้เคยปรากฏเป็นข่าวในคดีผู้การต๊ะก่อนหน้านี้
ขณะที่ในส่วนของ ปปง. ยังไม่มีความคืบหน้า แต่เข้าใจว่าเพิ่งนับเรื่อง ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบ ซึ่งตนเองขอปล่อยให้ทางเจ้าหน้าที่ทำงานตรวจสอบไปก่อน