พี่ชายแค้นแทนน้องชาย ซุ่มยิงสายตำรวจล่อซื้อยาบ้าเสียชีวิต

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 17 มิ.ย.67 พ.ต.อ.เอเนก จันทร์สอน รองผู้บังคับการตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร ,พ.ต.อ.นพพร โยธาราษฎร์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพรานกระต่าย พรานกระต่าย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรพรานกระต่าย นำตัว นายเอกภาพ หรือ ทับ อายุ 34 ปี อยู่บ้านในม.2 ต.วังควง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังใช้อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก จ่อยิง นายธงชัย อายุ 31 ปี อยู่บ้านในหมู่ที่ 5 ต.วังควง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร นอนคว่ำหน้าเสียชีวิตอยู่บริเวณป่าละเมาะ หมู่ที่ 5 ต.วังควง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ห่างจากบ้านผู้เสียชีวิตประมาณ 1 กิโลเมตร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา

จากการสอบถาม นายทับ ผู้ก่อเหตุ ให้การว่าเมื่อช่วงปีที่ผ่านมาผู้เสียชีวิตเป็นสายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการล่อซื้อยาบ้ากับน้องชายตน ทำให้ตนโกรธแค้นผู้เสียชีวิตแทนน้องชายของตนเป็นอย่างมาก แต่ช่วงเวลานั้น ผู้เสียชีวิตได้ไปอยู่ที่อื่น ตนจึงเก็บความแค้นไว้ จนกระทั่งไม่กี่เดือนที่ผ่านมาตนทราบว่าผู้เสียชีวิตกลับเข้ามาในหมู่บ้าน

จนกระทั่งวันเกิดเหตุตนทราบว่าผู้เสียชีวิตจะเข้ามาไถไร่มันซึ่งอยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ ตนจึงพกพาอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ติดตัวมาสองกระบอกเพื่อมาดักซุ่มในป่าละเมาะ แต่ก็เกือบพลาดไปยิงผิดตัวเนื่องจากมีคนในหมู่บ้านมาไถไร่มันเช่นกัน ตนจึงนั่งรออยู่ในพุ่มไม้จนกระทั่งผู้เสียชีวิตขับรถผ่านมา ตนจึงออกมาจากพุ่มไม้ พร้อมตะโกนถามว่าผู้เสียชีวิตมากับใคร โดยอ้างว่าผู้เสียชีวิตถือมีดลักษณะคล้ายจะฟันตน ตนจึงใช้ปืนยิงไปที่ผู้เสียชีวิตล้มลง ตนจึงใช้ปืนอีกกระบอกยิงซ้ำไปที่ศีรษะอีกนัดจนผู้เสียชีวิตล้มฟุบจมกองเลือดก่อนจะวิ่งหนีไปประมาณ 20 เมตร เพื่อขับขี่รถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ เพื่อหลบหนีเข้าไปในป่าและนำปืนไปทิ้งกลางป่าไกลจากจุดเกิดเหตุหลายกิโลเมตร ก่อนจะหลบหนีไปและถูกจับกุมได้ดังกล่าว

หลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเป็นที่เรียบร้อยจึงทำการส่งตัวนายทับ ให้ ร.ต.อ.สรสิทธิ์ บุตระ รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรพรานกระต่าย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , มีอาวุธและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

ต่อมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของ นายธงชัย หรือแอ๊ด ผู้เสียชีวิต พบว่าครอบครัวและญาติได้ทำพิธีฌาปนกิจศพไปแล้วและกำลังจัดเตรียมสถานที่เพื่อเตรียมพิธีทำบุญ 7 วันให้กับผู้ล่วงลับ โดยพบว่าบรรดาญาติพี่น้องยังคงเข้ามาช่วยกันเตรียมงานและพูดคุยให้กำลังใจกับมารดาของผู้เสียชีวิตตลอดเวลา

ขณะที่นางสะอิ้ง อายุ 56 ปี มารดาของผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า หลังลูกชายต้องมาจบชีวิตลง ยอมรับว่าเสียใจมากแม้จะเผาร่างของลูกชายไปแล้วก็ยังคงเสียใจอยู่ตลอด ตนอยู่กับลูกชายกันแค่ 2 แม่ลูก ลูกชายจะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำงานหารายได้ให้กับครอบครัว แต่กลับต้องมาจากไปแบบนี้

หลังจากรู้ข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับผู้ก่อเหตุยิงลูกชายตนได้แล้วก็รู้สึกโล่งใจ แต่ก็กังวลในเรื่องของการเยียวยาช่วยเหลือจากญาติผู้ก่อเหตุ เพราะทางตนไม่มีเงินที่จะมาจัดงานศพ มีเพียงญาติและชาวบ้านมาช่วยกันเท่านั้น อยากให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด อยากให้ผู้ก่อเหตุติดคุกไปนานๆ สมกับที่ทำกับลูกเรา

เบื้องต้นก็เคยได้ยินข่าวว่าลูกเราไปเป็นสายให้ตำรวจและทำการล่อซื้อยาบ้ามาบ้าง ส่วนการก่อเหตุยิงลูกชายตนนั้น ตนยังคาใจว่าผู้ก่อเหตุจะทำคนเดียวหรือไม่ คงไม่ใช่การดักยิง คาดว่าน่าจะมีการโทรนัดให้ออกมาคุยกัน ก่อนจะก่อเหตุดังกล่าว

ขณะที่เพื่อนผู้ตาย เล่าให้ฟังว่า หลังจากที่ผู้ตายหายออกจากบ้านไปนาน แม่ของผู้ตายจึงให้ตนออกไปช่วยตามที่จุดเกิดเหตุเพราะผู้ตายไปที่นั่นประจำ เมื่อไปถึงพบว่าผู้ตายนอนคว่ำหน้า จึงรีบขับรถกลับมาตามแม่ผู้ตายให้ไปดู เมื่อแม่ผู้ตายไปถึง ได้จับตัวผู้เสียชีวิตพลิกตัวพบว่ามีบาดแผลและรอยเลือดเต็มใบหน้า เสียชีวิตบริเวณดังกล่าว ส่วนตัวไม่เชื่อว่าผู้ก่อเหตุไม่น่าจะทำคนเดียว

ส่วนชนวนเหตุนั้นตนเชื่อว่าน่าจะมาจากการล่อซื้อยาบ้าเมื่อปีที่ผ่านมา เพราะผู้ก่อเหตุมักจะโทรถามตนเองและคนอื่นๆ ตลอดว่า ผู้เสียชีวิตไปทำงานหรือไปอยู่ที่ไหน แต่ตนก็ไม่ได้บอกไป จนกระทั่งมารู้ว่าผู้เสียชีวิตกลับมาอยู่บ้าน จึงได้วางแผนก่อเหตุดังกล่าว

ทั้งนี้ระหว่างการลงพื้นที่แม่และญาติผู้เสียชีวิต ได้ขอดูภาพการทำแผนประกอบคำรับสารภาพอยู่นั้น ได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อการกระทำดังกล่าว ว่าดูโหดร้ายรุนแรงเกินไป โดยเฉพาะผู้เป็นแม่ของผู้เสียชีวิตถึงกับเอ่ยไม่ขอให้อภัยกับผู้ก่อเหตุ และขอให้ตายไปตามกัน กับสิ่งที่ทำกับลูกชายของตน