โดยรายละเอียดโพสต์ระบุว่า “บอกคนไข้ให้ลองนับดูว่าได้กี่เม็ด ก้อนนิ่วในถุงน้ำดี คนไข้ไปนั่งนับมาจริงๆ 380 เม็ดที่อยู่ในถุงน้ำดี เลยลองถามเมนูโปรดที่ชอบกินคืออะไร ชาไทย วันละ 1-2 แก้ว แล้วก็อาหารทอด มัน ผัด กินทุกวันเลยค่ะ”
โดยในภาพเผยให้เห้นถุงใส่ก้อนนิ่วสีดำเต็มไปหมด หลังเรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตแห่แชร์ต่อและแสดงความเห็นจำนวนมาก ระบุว่า ทำไหมเยอะจังค่ะ ส่วนตัวเคยผ่านิ่วในถุงน้ำ ดีค่ะ แต่ก้อนใหญ่ก้อนเดียวค่ะ,เขาเคยผ่าตัดมาแล้ว1ครั้ง มี11เม็ด เม็ดเท่าเหรียญบาท ปวดท้องทรมานมากตอนเป็น,นิ่วในถุงน้ำดีพูดง่ายๆ เกิดจากการกินอาหารขยะในปัจจุบันเลยค่ะ แปรรูป แช่แข็ง เบค่อน ชานมไข่มุก ชีสสสสสสสสส เหล่านี้เป็นต้น
ขณะที่ข้อมูลจาก โรงพยาบาลพระราม 9 เผยว่า นิ่วในถุงน้ำดี (Gall Stone) เป็นโรคที่เกิดจากการตกตะกอนของสารต่าง ๆ ในน้ำดี ทำให้เกิดนิ่วขึ้นที่ถุงน้ำดี ผู้ป่วยอาจมีอาการแน่นท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อบ่อย ๆ โดยเฉพาะเวลาทานอาหารประเภทไขมัน (แต่ก็มีกรณีที่ไม่แสดงอาการ) สามารถรักษาได้โดยการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีและนิ่วออก ความผิดปกติของถุงน้ำดีมักมาจากภาวะการอักเสบ ซึ่งเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น มีเนื้องอก เกิดพังผืด ติดเชื้อ ได้รับการกระทบกระเทือน แต่สาเหตุส่วนมากของถุงน้ำดีอักเสบกว่าร้อยละ 95 เป็นผลมาจากการเป็นนิ่วในถุงน้ำดี (gallstone)
กลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ ดังต่อไปนี้
-พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะกลุ่มที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป
-พบได้ค่อนข้างบ่อยในคุณผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่เกิดจากฮอร์โมนที่ผิดปกติในระหว่างที่ตั้งครรภ์
-มักพบโรคนี้ในกลุ่มคนที่เป็นโรคอ้วน มีน้ำหนักเกินมาตรฐาน หรือผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง
-ผู้ที่ลดน้ำหนักรวดเร็วเกินไป โดยเฉพาะ การลดด้วยวิธีอดอาหาร
-หากพ่อแม่เคยเป็นโรคนี้ ลูกก็จะมีโอกาสเป็นได้มากกว่าคนทั่วไป
-คนที่มีพฤติกรรมในการกินอาหารที่มีไขมันสูง
-ผู้ที่รับประทานยาลดคอเลสเตอรอล หรือยาคุมกำเนิด
-ผู้ที่เป็นโรคเลือดบางโรค เช่น โลหิตจาง ธาลัสซีเมีย
-ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
สาเหตุของการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี
เกิดจากความไม่สมดุลของสารเคมีในน้ำดีที่ใช้ในการย่อยไขมันเพื่อให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งโดยปกติน้ำดีประกอบด้วยสารต่าง ๆ มากมายหลายชนิด ที่ถุงน้ำดี (อวัยวะที่มีลักษณะเป็นถุงหรือกระเปาะ อยู่บริเวณใต้ชายโครงด้านขวา) ทำหน้าที่เหมือนเป็นโกดังสะสมน้ำดีที่ผลิตมาจากตับ เช่น น้ำ คอเลสเตอรอล บิลิรูบิน เลซิติน และเกลือน้ำดี เป็นต้น หากเกิดกรณีที่สมดุลเคมีไม่สมดุลจากการสาเหตุต่างๆ เช่น มีคอเลสเตอรอลหรือบิลิรูบินมากเกินไป อาจขับออกมาไม่หมด แล้วตกตะกอนกลายเป็นนิ่วอยู่ภายในได้