หมอเดชา เผย แบงค์ เลสเตอร์ ไม่ใช่เด็กพิเศษ

จากกรณีการเสียชีวิตของ แบงค์ เลสเตอร์ หรือ นายธนาคาร คันธี หมอเดชา เผยว่า แบงค์ เลสเตอร์ ไม่ใช่เด็กพิเศษ ระดับไอคิวน่าสงสารมาก ให้ดื่มเหล้ายิ่งแย่

ล่าสุด วันที่ 28 ธันวาคม 2567 นพ.เดชา ปิยะวัฒน์กูล มีการโพสต์เฟซบุ๊ก เดชา ปิยะวัฒน์กูล อธิบายเรื่องอาการของแบงค์ เลสเตอร์ เพิ่มเติมว่า ไม่ใช่เด็กพิเศษ แต่เรียกว่าสภาวะ Intellectual Disability ซึ่งคนทั่วไปมักเรียกมั่วกันไปหมด ดังนี้

-น้องน่าจะมีสภาวะ Intellectual Disability ครับ ไม่ใช่ Autism หลายปีหลังมานี้ผมมักเห็นคนเรียก ID เป็นออติซึ่มบ่อย ๆ จนมั่วไปหมด มันคนละอย่างกันนะครับ

-Intellectual Disability คือสภาวะที่พัฒนาการทางสมองบกพร่องเกือบทุกด้าน เดิมเราเรียก Mental Retardation หรือปัญญาอ่อน แต่เนื่องจากคำเดิมถูกนำไปใช้ผิด ๆเป็นคำด่า แพทย์จึงเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ครับ

-ส่วน Autism นั้นคือสภาวะบกพร่องทางพัฒนาการด้านการพูดและสังคมเป็นสำคัญ ดังนั้น ID กับออทิสติกจึงมีลักษณะไม่เหมือนกันเลย คือ ID สติปัญญาด้านความฉลาดไม่ค่อยดี แต่ด้านสังคมมักพอใช้ได้ ในขณะที่ออนั้นสติปัญญาด้านความฉลาดมักจะดี ในขณะที่ด้านสังคมกลับบกพร่อง

-พูดเป็นภาษาบ้าน ๆ ให้เข้าใจง่าย ออทิสติกนั้นฉลาดแต่ผูกสัมพันธ์กับคนไม่ค่อยเก่ง ขณะที่ปัญญาอ่อนนั้นไม่ค่อยฉลาดแต่รักและผูกพันกับคนได้เหมือนกับพวกเรา คนปัญญาอ่อนจึงสามารถเข้าสังคมได้ รักพ่อแม่ รักคนรอบตัว

-ดังนั้นทีหลังเวลาจะด่ากันควรใช้คำด่าว่าไอ้ไม่ปัญญาอ่อน เพราะคนปัญญาอ่อนใจดีกว่าพวกเราน่ะเมื่อเทียบกับระดับสติปัญญา มีแต่คนไม่ปัญญาอ่อนเท่านั้นที่ใจดำ แล้วไม่ค่อยรักคนอื่น

รู้ได้ยังไงว่าแบงค์ เลสเตอร์ สติปัญญาบกพร่อง ไม่รู้หรอกครับ แค่ดูคลิปผิวเผินไม่ได้ตรวจ แต่ผมเคยทำงานโรงพยาบาลยุวประสาท เคยเรียนเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลราชานุกูลนิดหน่อย ผมชำนาญพอจะบอกได้ว่าใคร IQ เท่าไหร่แม้จะยังไม่ได้ตรวจน่ะครับ ถ้าใครไอคิวต่ำกว่า 140 ผมคุย 5 นาทีผมพอเดาได้เลย รับรองไปตรวจ WAIS-R ผลออกมาผมผิดไม่เกิน 10 คะแนน น้องคนนี้ไอคิวคง 70-80 ครับ คนมักเข้าใจผิดว่า ID จะต้องเดินตุปัดตุเป๋น้ำลายยืด ไม่ใช่เลยครับ ID แบบนั้นคือระดับ severe ไอคิวแค่ 30-40 ID ทั่วไปไอคิว 60-70 จะพูดรู้เรื่อง ถ้า 70+ นี่คิดเลขง่าย ๆ ได้ บางคนอ่านเขียนได้ด้วยซ้ำ แล้วตรงนี้จะโยงไปถึงข้อต่อไป

ID เป็นหนึ่งในสามสภาวะทางจิตที่กฎหมายคุ้มครอง ถ้ามีผลตรวจ IQ ยืนยัน มีบัตรผู้พิการ หรือมีหนังสือของศาลสั่งให้เป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถ ยายสามารถเอาเรื่องคนที่แกล้งน้องได้อย่างถึงที่สุดเลยครับ เพราะประตูสู้คดีที่ว่าผู้ตายเต็มใจดื่มเองนั้น ถ้าเจอทนายเก่ง ๆ สามารถชี้ช่องได้ว่าผู้ตายเป็นบุคคลเสมือนไร้ความสามารถอย่างเห็นได้ชัด ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เต็มที่ดังเช่นคนปกติทั่วไป ผู้ใดรังแก ชักชวน หรือหลอกล่อให้ผู้ตายกระทำการใดอันอาจเป็นอันตรายต่อตนเองและ/หรือผู้อื่นย่อมมีความผิด โทษก็ระดับเดียวกับมอมเหล้าเด็กตาย ผู้ใหญ่ไอคิว 70 ระดับสติปัญญาก็พอ ๆ กับเด็กอายุ 8-9 ขวบ หลอกเด็ก 8 ขวบกินเหล้าจนตายผิดไหมล่ะครับ? ปัญหาคือผมเดาว่าครอบครัวไม่เคยตรวจ IQ ให้ผู้ตาย แล้วทนายเผลอ ๆ ไม่รู้กฎหมายข้อนี้

ระดับแอลกอฮอล์ ทำไมผู้หญิงเมาง่ายกว่าผู้ชาย ส่วนเรื่องระดับของ BAC ที่เขียนไว้ในโพสต์ก่อนตอนนี้ไม่สำคัญเท่าเรื่อง predisposing factor ของผู้ตายแล้ว เพราะตอนเขียนโพสต์นั้นผมยังไม่ทราบครับว่าผู้เสียชีวิตอาจจะเป็น ID แต่จะให้เอามาอธิบายตรงนี้อีกทีก็ได้ครับ – ขนาด lethal dose หรือทำให้ตายได้ของแอลกอฮอล์ในคนไทยที่ตัวไม่ได้ใหญ่แบบฝรั่ง ในผู้ชายคือดื่มเกิน 10 drinks หรือเหล้า 1 แบน ผู้หญิงคือเกิน 5 drinks หรือครึ่งแบนในเวลา 1 ชั่วโมง ถ้าดื่มมากกว่าหรือเร็วกว่าขนาดที่ว่านี้ ถึงตายได้ครับ – ผู้ชายทนแอลกอฮอล์ได้มากกว่าผู้หญิงเกือบ 1 เท่าตัวไม่ใช่เพราะตัวใหญ่กว่านะครับ แต่เพราะในตับของผู้หญิงมีเอนไซม์ตัวที่ชื่อ alcohol dehydrogenase ต่ำกว่าผู้ชาย ดังนั้นผู้หญิงเมาเร็วกว่า ง่ายกว่า ตายเร็วตายง่ายเวลาดื่มเหล้ามากกว่าผู้ชายเยอะครับ – ถ้าต้องการป้องกันระดับแอลกอฮอล์ในเลือดไม่ให้สูงเกินไปให้ใช้วิธีดื่มให้ช้าลงครับ ตัวอย่างเป็นที่ทราบกันว่าถ้ากินเบียร์เกิน 1-2 กระป๋องเล็กภายใน 1 ชั่วโมงมีสิทธิ์เป่าเครื่องตรวจแล้วไม่ผ่าน

ถ้าใครจะดื่มแล้วขับก็อย่ากินเกินชั่วโมงละกระป๋องครับ ถ้าอยากกิน 2-3 กระป๋องก็ต้องนั่งอยู่ 2 ชั่วโมง ถ้า 3 ชั่วโมงก็อาจได้ 4-5 กระป๋องเป็นต้น ตรวจแล้วถึงจะมีสิทธิ์ผ่าน สรุปเรื่องปริมาณการดื่มภายใน 1 ชั่วโมงกับระดับ BAC และอาการอีกที (1 ดื่ม = เบียร์ 1 กระป๋อง ไวน์ 1 แก้ว หรือเหล้า 1 เป๊ก ส่วนเลข BAC แบบฝรั่ง = ของไทยหารพัน เช่น ของฝรั่ง 0.1% = ของไทย 100mg%) 2 ดริ้งค์ 50mg% ขับรถไม่ได้ ผิดกฎหมาย ถ้าคุณดื่มจนรู้สึกกรึ่ม ๆ หน้าแดง นั่นเลยแล้วครับ 4 ดริ้งค์ 100mg% เมาแล้ว 6 ดริ้งค์ 150mg% เมาเละเทะเป็นหมาแล้ว เลยระดับนี้จะไม่มีความสนุกอีกต่อไป 8 ดริ้งค์ 200mg% เมาจนไม่รู้เรื่อง จำอะไรไม่ได้ คนส่วนใหญ่น็อคแล้ว จุดนี้ต่อให้ว่ายน้ำเก่ง ตกน้ำก็ตาย 12 ดริ้งค์ 300mg% สลบ โคม่า เสี่ยงตายแล้ว พาไปโรงพยาบาลหมอต้องปั๊มน้ำเกลือด่วนน่ะ > 400mg% ตายคักๆ รอดได้คือยมบาลลางานอยู่ ถ้าเป็นผู้หญิง กรุณาหารปริมาณเหล้าด้วยสอง

กรณีผู้ดื่มเป็น ID มันจะมีผลยังไงบ้าง มันก็เมาง่ายตายง่ายกว่าคนธรรมดาน่ะสิครับ ตรงไปตรงมา สมองไม่แข็งแรง ยังเอาแอลกอฮอล์ไปทำร้ายสมอง …จะไปเหลือ เรื่องนี้คนส่วนใหญ่ไม่ทราบ ID คือสมองไม่แข็งแรงของจริงครับ สมมุติผ่าเอาสมองออกมาดู จะเห็นสมองเหี่ยวเล็กกว่าคนปกติของจริง อายุไม่ยืน พอ 40 เป็นอัลไซเมอร์ตายก่อนคนทั่วไปนี่ก็ของจริง แบบสัญญาลูกของเด๋อน่ะ เวลาเราดูแลคนไข้กลุ่มนี้เราจะอธิบายให้ครอบครัวเข้าใจเลยว่าถ้าอยากอยู่กันนาน ๆ อย่าใช้สารเสพติด อย่าดื่มสุรา ต่อให้สมองไม่ดีก็พึงใช้สมองเยอะ ๆ คิดนู่นเรียนรู้นี่ พูดนั่นเล่นนี่ ผมมีคนไข้กลุ่มนี้พอดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัวได้เยอะแยะไป เขาแค่ไม่ค่อยฉลาด แต่ในความเป็นมนุษย์บางด้านของเขานั้นมีสูงกว่าเราด้วยซ้ำ แม้กระนั้นผมก็ไม่เคยเจอใครอายุเกิน 60 ได้สักคน เคยเจอคนที่อยู่ได้นานที่สุดก็ 50 กว่า ดังนั้นอย่าไปทำอะไรเขาเลย ยังไงเขาก็อยู่กับเราได้ไม่นานอยู่แล้ว ใครไปรังแกผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้นี่ผมว่าโคตรใจดำเลย ไม่รู้จะสรรหาอะไรมาพูด