นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 67 ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป รวมประมาณ 4 ล้านคน ซึ่งจะพยายามปรับโครงการให้สามารถจ่ายเงินได้ก่อนวันตรุษจีน หรือวันที่ 29 ม.ค. 68
สำหรับการประกาศผลในการลงทะเบียนกลุ่มนี้ หลังจากตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งจะตั้งเป้าให้เสร็จภายในเดือน ธ.ค. 67 นี้ โดยผู้ที่มีสิทธิต้องผ่านการลงทะเบียนในระบบตรวจสอบสิทธิและพิสูจน์ตัวตน (KYC) และต้องไม่เป็นผู้ที่เคยได้รับเงินในเฟสแรก
“ยืนยันว่ากลุ่มผู้สูงอายุที่จะได้รับเงิน 10,000 บาท เฟส 2 ต้องเป็นผู้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น “ทางรัฐ” และผ่านการตรวจสอบแล้วเท่านั้น และต้องไม่เป็นกลุ่มที่เคยได้รับเงิน 10,000 บาทในเฟสแรก เมื่อระบบตรวจสอบคุณสมบัติผู้ลงทะเบียนผ่านแอป “ทางรัฐ” รัฐบาลจะเปิดให้ตรวจสอบรายชื่อ และหากเห็นว่าข้อมูลผิดพลาด ไม่ถูกต้องก็สามารถยื่นอุทธรณ์สิทธิได้” รมช.คลังกล่าว
ทั้งนี้ โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลต เฟส 3 จะใช้วงเงินที่เหลืออีก 1.4 แสนล้านบาท คาดจะเริ่มช่วงเดือน เม.ย.-มิ.ย. 68 หลังจากทดสอบระบบดิจิทัลวอลเลตเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยกลุ่มนี้จะได้รับเงิน 10,000 บาท ในระบบดิจิทัลวอลเลตเท่านั้น จะไม่มีการแจกเป็นเงินสด ส่วนการลงทะเบียนในรอบกลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟนได้อยู่ระหว่างพิจารณา และจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ในเร็ว ๆ นี้
สำหรับผู้สูงอายุ 60 ปีที่ลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐไม่สำเร็จ หรือยืนยันตัวตนไม่ผ่าน รวมถึงกลุ่มเปราะบางที่ไม่มีสมาร์ทโฟน จะมีโอกาสลงทะเบียนเก็บตกได้รับเงินสด 10,000 บาทหรือไม่นั้น นายจุลพันธ์กล่าวว่าเรื่องนี้กำลังพิจารณา หากทำทันก็อาจจะเปิดให้มีโอกาสรับเงินสดได้ หากไม่ทันอาจจะให้ไปรวมอยู่ในกลุ่มใช้จ่ายผ่านดิจิทัลวอลเลต ซึ่งตรงนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป ขอให้อดใจรอ แต่ยืนยันว่าทุกคนที่ลงทะเบียนและได้สิทธิจะได้รับเงิน 10,000 บาทแน่นอน
นอกจากนี้ หลังจากที่รัฐบาลได้มีการใส่เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในโครงการนี้ในเฟส 1 วงเงิน 1.45 แสนล้านบาทให้กับกลุ่มเปราะบาง ได้มีการรายงานการประเมินผลสำเร็จว่าสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดี และจะมีผลส่งต่อไปยังเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ประมาณ 2.8% ส่วนปี 2568 มองว่ายังเป็นทิศทางที่ดี โดยรัฐบาลยังคงเดินหน้ามาตรการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย แก้ปัญหาหนี้สิน และเพิ่มการลงทุน ซึ่งต้องช่วยเหลือเป็นรายกลุ่ม คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 3%