ชายวัย 43 กินกระเทียม ทุกวัน ติดกัน 3 เดือน หวังรักษาโรค ก่อนไปหาหมอ ผลที่ได้แย่กว่าที่คิด
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ ออกมาอธิบายเคสคนไข้เป็นชายชาวจีนวัย 43 ปี หลังกินกระเทียมดิบ 1 หัว ติดต่อกันนาน 3 เดือน หวังรักษาแผลในกระเพาะ ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่ใช่อย่างที่คิด
โดยจากการสอบถามประวัติ พบว่า ชายรายนี้ นายเจื่องทวน วัย 43 ปี ทำงานเป็นคนขับรถในจีน ทำให้เขามีพฤติกรรมการกินอาหารไม่ค่อยตรงเวลา และเข้ารับการรักษาด้วยอาการปวดท้อง ผลตรวจพบว่า เขามีแผลในกระเพาะอาหาร และมีการติดเชื้อ Helicobacter pylori
แพทย์แนะนำให้นายเจืองปรับพฤติกรรมการกิน และให้ทานยาเพื่อรักษาโรค แต่เมื่อผ่านไปสักพักเขาจึงเลิกทานยา เพราะการทานยาให้ตรงเวลานั้น ส่งผลกระทบต่องาน
จากนั้น เขาได้จึงตัดสินใจกินกระเทียมดิบ 1 หัว ทุกวัน หลังจากค้นหาข้อมูลจากทางเน็ตพบว่า กระเทียมช่วยรักษาแผลในกระเพาะได้ แต่หลังจากทานติดกันกว่า 3 เดือน อาการปวดท้องเขาไม่ดีแถมยังรุนแรงขึ้น นายเจืองจึงตัดสินใจไปพบแพทย์อีกครั้ง เพื่อรับการตรวจ
ซึ่งผลตรวจพบว่า แผลในกระเพาะไม่ดีขึ้นเลย ภายหลังแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้อธิบายถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า “กระเทียมเป็นเพียงอาหารและไม่มีฤทธิ์เป็นยา”
การรับประทานกระเทียมนั้นไม่สามารถช่วยกำจัดแบคทีเรีย Helicobacter pylori หรือรักษาแผลในกระเพาะของคนเราได้ ถึงแม้กระเทียมจะมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่หากเราทานมากเกินไปก็จะส่งผลร้ายอย่างไม่คาดคิดได้
ซึ่งในกรณีของนายเจือง เขามีแผลในกระเพาะอาหารอยู่แล้ว แถมไม่ได้รักษาด้วยยาและกินกระเทียมวันละหัว ทำให้อาการแย่ลง นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า กระเทียมยังมีสารประกอบที่เรียกว่า ฟรุกแทน ซึ่งเป็นสารประกอบที่ทำให้เกิดปัญหาในลำไส้และกระเพาะอาหารมากมาย
ดังนั้นการกินกระเทียมมากเกินไปอาจทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดอาการเสียดท้อง ท้องอืด และคลื่นไส้ได้ โดยนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ได้แนะนำว่า เพื่อสุขภาพที่ดี ผู้คนไม่ควรกินกระเทียมแทนวิธีรักษาทางวิทยาศาสตร์ใดๆ เนื่องจากกระเทียมเป็นเพียงอาหารทั่วไป ผลกระทบของมันจึงไม่น่าอัศจรรย์เท่ากับข้อมูลบนโซเชียล