เปิดลงทะเบียนลงทะเบียน บัตรคนจนรอบใหม่ปี 68 เช็กคุณสมบัติ 10 ข้อ

วันที่ 7 ต.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงต้นปี 2568 ประมาณเดือนมีนาคม กระทรวงการคลัง ได้วางแผนว่า จะเปิดให้ลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน รอบใหม่ เพราะขณะนี้กำลังจะครบ 2 ปี โดยหลังจากรอบล่าสุดที่เปิดลงทะเบียน ปลายปี 2565 เมื่อวันที่ 5 ก.ย.-31 ต.ค. เพื่อเป็นการทบทวนคุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าร่วมโครงการใหม่ โดยวางแผนไว้ว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะทบทวนผู้มีสิทธิกันใหม่ทุก ๆ 2 ปี

เพราะบางคนอาจจะมีคุณสมบัติที่หลุดจากเกณฑ์ไปแล้ว หรือบางคนที่ไม่ได้สิทธิ คุณสมบัติอาจจะผ่านในรอบนี้ ซึ่งรอบที่แล้วเดิมมีผู้ลงทะเบียนกว่า 14.9 ล้านคน แต่ปัจจุบันเหลืออยู่ราว 13.5 ล้านคน เพราะส่วนหนึ่งก็เสียชีวิตไป

คุณสมบัติในการรับ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เกณฑ์คุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการ เบื้องต้นคาดว่าจะยังไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิม ดังนี้

1. ลงทะเบียนรายบุคคล และตรวจสอบคุณสมบัติเป็นรายบุคคลและครอบครัว

2. ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย

3. อายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป

4. มีรายได้คนละไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ภายในครอบครัว มีรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปี

5. ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก พันธบัตร ตราสารหนี้ต่าง ๆ ต้องไม่เกิน 100,000 บาทต่อคน ครอบครัวไม่เกิน 100,000 บาทต่อคนต่อปีเช่นเดียวกัน

6. ต้องไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือที่ดิน เกินจากเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด

7. ไม่มีบัตรเครดิต 8 ไม่มีวงเงินกู้บ้านตั้งแต่ 1.5 ล้านบาทขึ้นไป

9. วงเงินกู้ซื้อรถตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป

10. ต้องไม่เป็นภิกษุ สามเณร ผู้ต้องขัง บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ ข้าราชการ พนักงานราชการ ผู้รับบำเหน็จรายเดือน ผู้รับบำนาญ ข้าราชการการเมือง รวมถึง สส. และ สว.

การจ่ายสวัสดิการ สำหรับการจ่ายสวัสดิการ ต้องขึ้นกับนโยบายรัฐบาลว่าจะมีเพิ่มเติมจากเดิมหรือไม่ เบื้องต้นจะเป็นไปตามเดิมคือ

-วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 300 บาทต่อคนต่อเดือน -วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน

-วงเงินส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน

-มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน

-มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน

-เบื้องต้นใช้งบประมาณราว 4,800 ล้านบาทต่อเดือน หรือราว 50,000 ล้านบาทต่อปี “สวัสดิการที่จ่ายหลัก ๆ ก็น่าจะเหมือนเดิม แต่ก็ขึ้นกับนโยบายรัฐบาลว่าจะมีอะไรเพิ่ม เหมือนอย่างล่าสุดก็มีการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านช่องทางนี้”