จ่อฟันตัวใหญ่ กินส่วยรถบรรทุก ตำรวจแกะรอยพบบัญชีม้าอื้อ ใช้กดเงินสดเลี่ยงโดนจับ

“รองเต่า” ลั่นเร่งขยายผลปราบแก๊งด่านชั่งกรมทางหลวงเก็บส่วยรถบรรทุก เตรียมเปิด EP.2 ลุยล้างบางต่อหลังเจอหลักฐานสำคัญบัญชีม้า ตัวละครใหม่เพิ่มอีกเพียบ เผยกลยุทธ์แนบเนียนชุดเฉพาะกิจเก็บส่วยออกตรวจตามเส้นทางหลวงสายต่างๆ จะโทร.แจ้งข่าวผู้ประกอบการที่อยู่ในอาณัติจ่ายอามิสสินจ้างงดใช้เส้นทางชั่วคราวหรือให้จอดรอริมถนนเลี่ยงถูกจับ เผยถึงผู้ต้องหาจะนกรู้ผ่องถ่ายเงินจากบัญชีม้าไปบัญชีส่วนตัวโดยใช้วิธีฝากถอนกดเงินสด ก็ไม่มีปัญหากับชุดสืบสวนเพราะมีพยานหลักฐานอื่นมัดโดยเฉพาะกล้องวงจรปิด

กรณี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังตำรวจ บก.ปปป. บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ ปปท. ป.ป.ช. และ ปปง. รวม 4 หน่วยงาน เปิดปฏิบัติการ “ล้างบาง Spot check” กวาดล้างส่วยรถบรรทุก ตรวจค้น 11 จุดใน 7 จังหวัด คือ จ.เชียงใหม่ จ.ชัยภูมิ จ.เพชรบูรณ์ จ.นครปฐม จ.ชลบุรี จ.พระนครศรีอยุธยา และ กทม. จับกุมนายนพดล แสนงาย อายุ 57 ปี นายช่างเครื่องกลอาวุโส หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักอุบลราชธานีขาออก กรมทางหลวง และหัวหน้าชุดเฉพาะกิจ Spot check 2 นายอเนก คำโฉม อายุ 59 ปี นายช่างเครื่องกลชำนาญงาน หัวหน้าสถานีตรวจสอบน้ำหนักด่านขุนทดขาเข้านครราชสีมาและนายธงชัย หรือบอย เต็มฟอม อายุ 38 ปี หน้าเสื่อเจรจาเรียกรับส่วยรถบรรทุกน้ำหนักเกิน เงินหมุนเวียนประมาณ 200 ล้านบาท ผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ใช้หลักทรัพย์เงินสดคนละ 3 แสนบาท ยื่นขอประกันปล่อยตัวชั่วคราว โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติสั่งการ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลหาผู้กระทำผิดต่อไปตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ความคืบหน้าล่าสุดในคดีเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงเก็บส่วยรถบรรทุก เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 5 ก.ย. ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เผยถึงความคืบหน้าการขยายผลคดีเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงเรียกเก็บส่วยรถบรรทุกว่า ยอดเงินหมุนเวียนที่ตรวจสอบพบในผู้ต้องหากลุ่มแรกค่อนข้างมีจำนวนมากแตกเป็นหลายเส้นหลายกลุ่ม สิ่งที่ต้องขยายผลตามต่อคือต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเงินไปถึงใคร มีบุคคลอื่นระดับใหญ่กว่าเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ แต่จากการสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหาชุดแรกที่จับมาได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก ทำให้ได้บัญชีม้าเพิ่มเติมอีก 3-4 บัญชี รวมถึงทราบตัวบุคคลสำคัญที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ระหว่างสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ชัดเพื่อขออำนาจศาลออกหมายจับ เชื่อว่าปฏิบัติการดังกล่าวน่าจะมี EP.2 ตามมาอย่างแน่นอน

รายงานข่าวระบุว่า จากแนวทางสืบสวนของชุดคลี่คลายคดีทราบว่า เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจด่านชั่งของกรมทางหลวงแต่ละชุดที่มีพฤติกรรมทุจริตรับส่วยรถบรรทุกน้ำหนักเกินจะมีพลเรือนเป็น “หน้าเสื่อ” หรือคนคอยประสานงานกับกลุ่มผู้ประกอบการแต่ละเครือข่าย สอดคล้องกับคำให้การนายธงชัย หรือบอย เต็มฟอม อายุ 38 ปี หน้าเสื่อเจรจาเรียกรับส่วยรถบรรทุกน้ำหนักเกินที่ถูกจับกุมก่อนหน้ายอมรับว่า เคยมีผู้ประกอบการที่อยู่ในความดูแลของตนบางรายติดต่อให้ช่วยเป็นตัวกลาง ประสานจ่ายเงินส่วยให้กับหน้าเสื่อชุดเฉพาะกิจด่านชั่งกรมทางหลวงชุดอื่นเพื่อขอเคลียร์เส้นทางอื่นๆ อีกทั้งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินบัญชีม้าที่นายธงชัยเป็นคนถือพบว่า มีการโอนเงินไปยังบัญชีม้าต้องสงสัยว่าเป็นของเจ้าหน้าที่ชุดอื่นๆอีก 3-4 บัญชี อยู่ระหว่างตรวจสอบขยายผล

รายงานข่าวระบุต่อว่า แม้ระยะหลังกลุ่มผู้ต้องหาจะพยายามใช้วิธีผ่องถ่ายเงินโดยโอนเงินจากบัญชีม้าไปยังบัญชีส่วนตัวมาเป็นรูปแบบการกดถอนฝากเงินสดเพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบ ในส่วนนี้ชุดคลี่คลายคดีไม่ได้หนักใจเพราะมีพยานบุคคลและหลักฐานข้อมูลการฝากถอนเงินสด รวมไปถึงภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพได้ครบถ้วนหมดแล้วทำให้รู้แน่ชัดว่าเงินเหล่านี้จะถูกส่งไปที่ใคร นอกจากนี้ แนวทางสืบสวนยังพบว่า ทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจด่านชั่งกรมทางหลวงออกตรวจตามถนนหลวงเส้นต่างๆ นั้น จะโทรศัพท์ไปแจ้งให้ผู้ประกอบการที่ยอมจ่ายส่วยให้รถบรรทุกน้ำหนักเกินทราบล่วงหน้าให้งดใช้เส้นทางดังกล่าวชั่วคราว หรือจอดรถหลบข้างทาง รอจนกว่าจะออกตรวจเสร็จเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่