หนุ่ม 15 ถูกเพื่อนรุมทำร้าย เสียชีวิต พ่อช้ำใจหนัก ตร.บอกให้ไปหาหลักฐานมาเอง

วันที่ 11 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านพักแห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังจากได้รับการติดต่อจากนาย อิทธิศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นพ่อของนายนำชัย (สงวนนามสกุล) หรือดุ๊ก อายุ 15 ปี ผู้เสียชีวิตจากการถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้าย เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 04.30 น.บริเวณโป๊ะท่าเรือหลังวัดละหาร

หลังก่อเหตุแล้ว กลุ่มวัยรุ่นทั้งหมดได้นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล มีสภาพร่างกายที่บวมฟกช้ำบริเวณใบหน้าและลำคอ ศีรษะมีอาการบวม และปูดทั่วร่าง โดยอ้างว่าขับรถผ่านไปผู้บาดเจ็บ นอนสลบอยู่ข้างทาง จึงช่วยพาตัวมาส่งที่โรงพยาบาล

หลังจากนั้นก็ได้หนีหายไปทั้งกลุ่ม ซึ่งขณะนั้นนายนำชัย ได้เสียชีวิตแล้ว ต่อมาเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้แจ้งต่อพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง ว่ามีผู้เสียชีวิตจึงประสานนำตัวส่งสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิต

โดยแพทย์วินิจฉัยสาเหตุการเสียชีวิตว่า มีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง และมีการเปิดเผยคลิปซึ่งคาดว่า อาจจะเป็นชนวนเหตุ ซึ่งคลิปเป็นเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.67

โดยเหตุการณ์ในคลิปที่ปรากฎภาพออกไปพบ นายนำชัย สวมเสื้อสีดำกางเกงยีนส์นั่งคุกเข่าอยู่ และมีกลุ่มเพื่อนๆวัยรุ่นอีก 5 คนยืนล้อม ซึ่งนายดุ๊กต้องการแหวนรุ่นซึ่งเป็นแหวนรุ่นที่66 ของโรงเรียน

 

แต่นายดุ๊กเองไม่ได้เรียนที่โรงเรียนนี้ถ้าอยากจะได้ ต้องรับน้องโดยการให้เพื่อนเตะบริเวณหน้าอกครบทุกคนก่อน ซึ่งในคลิปนายโอม(สวมเสื้อสีดำกางเกงขาสั้น)ลงมือเปิดเตะเป็นคนแรกก่อน

ต่อมาวันที่ 6 ก.ค.67 หลังจากที่นายอิทธิศักดิ์ (สงวนนามสกุล) และนางลมูล(สงวนนามสกุล) พ่อและน้า ทราบเรื่องก็ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามตัวนายโอม อายุ 15 ปี (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) มาได้เพียงคนเดียว ส่วนผู้ก่อเหตุคนอื่นๆยังไม่สามารถติดตามตัวได้

ล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ก.ค.นายอิทธิ์ศักดิ์ ได้เดินทางไปที่โรงพักบางบัวทองเพื่อสอบถามความคืบหน้าแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับบอกตอบมาว่า ถ้าอยากให้หาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีเพิ่มอีกก็ให้ตนไปหาหลักฐานกล้องวงจรปิดและหาพยานหลักฐานมาเอง

นายอิทธิศักดิ์ เล่าว่า ทำงานอยู่ที่จังหวัดนครปฐม ได้แยกทางเลิกกับแม่ของลูกชายไปแล้ว แต่ตนก็คอยส่งเงินมาให้ที่บ้านที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งที่บ้านหลังนี้จะพักอยู่อาศัยกัน 3คน คือแม่ของตนซึ่งเป็นย่าของนายดุ๊ก,และลูกชายกับน้องสาวคนละแม่


นายอิทธิศักดิ์ (สงวนนามสกุล)
พอทราบว่าลูกชายเสียชีวิต ตนก็ตกใจจึงรีบเดินทางกลับมา ก็ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับลูกชายตน สภาพจิตใจตอนนี้หัวอกคนเป็นพ่อไม่ว่าใครก็รับไม่ไหว เพราะตนก็รักลูกทั้งสองคนมาก ถึงแม้ว่าจะมีการดุด่าตามประสาไปบ้าง

หลังเกิดเรื่องตนได้ไปถามเรื่องราวต่างๆทั้งจากโรงพยาบาลและจากกลุ่มเพื่อนของลูกชาย ทำให้ทราบว่า ตอนที่นำตัวนายดุ๊กมาส่งที่โรงพยาบาลมีสภาพเปียกไปทั้งตัว และมีรอยฟกช้ำที่ใบหน้าหลายแห่ง

นางลมูล (น้าของนายดุ๊ก) เล่าว่า ในงานศพหลาน นายโอมและกลุ่มเพื่อนก็ได้มาร่วมงานศพด้วย ตนเดินเข้าไปถามว่าทำไมถึงทำกันขนาดนี้ นายโอมได้แต่ร้องไห้และบอกว่าขอโทษ ตนไม่ได้อยากได้เงินเยียวยาอะไรทั้งนั้นแต่อยากได้คนที่ทำกับหลานตนแบบนี้มาลงโทษตามกฎหมายให้ได้