นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหว เดินทางมายื่นหนังสือต่อกองบัญชาตำรวจนครบาล โดยมี พ.ต.อ.ทิพากร แก้วเปล่ง ผกก.ฝอ.3 บก.อก.บช.น. เป็นผู้รับหนังสือ เพื่อให้ตรวจสอบเนื้อหาที่นายอุดม แต่พาณิชย์ หรือ โน้ส พูดในรายการทอล์กโชว์ “เดี่ยว สเปเชียล ซูเปอร์ซอฟต์พาวเวอร์” โดยเฉพาะการพูดถึงเรื่อง “ความพอเพียง” ที่กำลังกลายเป็นกระแสดรามาอยู่ในขณะนี้
โดยขอให้ตรวจสอบว่านายอุดม มีเจตนาพูดพาดพิงไปถึงโครงการพระราชดำริ “เศรษฐกิจพอเพียง” หรือไม่ หากยืนยันว่าไม่ได้พาดพิง ก็คงจบ หากมีการพาดพิง ต้องยอมรับเนื่องจากไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน แล้วนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และประเด็นการนำข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ก็จะเป็นความผิด
นายสนธิญา กล่าวว่าในวันนี้ตัวเองได้นำ “หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ของมูลนิธิปิดทองหลังพระ มาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประกอบการพิจารณาและวินิจฉัยว่าการพูดเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงนั้นไม่ตรงกับความเป็นจริงและเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ทั้งนี้ขอเรียกร้องไปยังนายอุดม ขอให้เลิกแซะ กร่อน หรือไปด้อยค่าบุคคลใดบุคคลหนึ่งบนเวที แล้วนำไปลงในระบบออนไลน์ ซึ่งผู้ชมสนุกสนานแต่บุคคลอื่นเสียหาย หรือทำให้เกิดความไม่สบายใจขึ้น ขอให้นำเรื่องที่เป็นประโยชน์ไปแสดงให้ประชาชนในการจัดรายการเดี่ยว แทนการพูดด้อยค่าคนอื่น ให้เกิดกระแส
“ขอให้เลิกเถอะครับ เอาเรื่องที่เป็นประโยชน์ไปแสดงหรือไปให้กับประชาชนในการที่จัดเดี่ยว เพราะที่ผ่านมามีปัญหาทุกครั้ง คุณโน้สก็หยิบเอาประเด็น การด้อยค่าสารพัดพูดบนเวที แล้วสร้างให้เกิดกระแส ครั้งนี้ผมก็เข้าใจว่าคุณโน้สเองก็พยายามจะสร้างกระแสตรงนั้น ในขณะที่กระแสของคุณโน้สเองก็ตกไปเรื่อยๆ” นายสนธิญากล่าว
นายสนธิญา ยังเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลให้พิจารณาว่าการพูดเกี่ยวกับความพอเพียง เกี่ยวพันไปถึงโครงการพระราชดำริด้วยหรือไม่ เพราะข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงไม่ตรงกับความเป็นจริง และกรณีที่พูดถึงบุคคลลงมาจากรถตู้ พอกหน้าพอกตาแล้วลงมาเกี่ยวข้าวหมายถึงบุคคลใด เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และโครงการนี้เป็นโครงการที่ประชาชนทั้งประเทศยอมรับ
และกรณีที่นำความจริงบ้างไม่จริงบ้างไปลงระบบคอมพิวเตอร์ หรือผ่าน netflix มีผู้ติดตามกว่า 91 ล้านคน หากมีการสื่อสารตรงเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงก็จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดและนำความเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ส่วนนายอุดม ออกมาชี้แจงว่า การเล่นมุกตลกโดยใช้หลักการตลาดนำนั้น นายสนธิญา กล่าวว่า กรณีมุกตลกของนายอุดมเป็นตรรกะอุบาทว์ คือด้อยค่าบุคคลหลายๆ คน และล่าสุดมาพูดถึงประเด็นพอเพียง หากพบว่าพาดพิงรวมไปถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่ ตนจะไม่ยอม เพราะถือเป็นการเซาะกร่อนและให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จึงเรียกร้องไปยังนายอุดมไม่ว่าจะเป็นการด้อยค่าผู้อื่น แต่สิ่งที่นายอุดมได้คือเงิน ขณะที่บุคคลอื่นเสียหาย
ซึ่งกรณีพูดเรื่องพอเพียงทำให้ประชาชนอาจเข้าใจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง หากนายอุดมเป็นลูกผู้ชายจะต้องพูดให้ชัดเจน หากพาดพิงก็ต้องยอมรับสิ่งที่ตามมา ขณะเดียวกันก็เห็นว่านายอุดมไม่เคยออกมาพูดถึงการเคลื่อนไหวของแกนนำคณะก้าวหน้า หรือพรรคก้าวไกล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการพิสูจน์ว่าการกระทำของนายอุดมทำเพื่อประโยชน์ของคนไทยทั้งประเทศหรือทำเพื่อคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดหรือผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง แต่ทำให้บุคคลอื่นเสียหาย หรือเข้าใจในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงคลาดเคลื่อน
นายสนธิญา ยังกล่าวอีกว่ามีเรื่องเป็นหมื่นเป็นแสนล้านเรื่องที่สามารถพูดได้บนเวทีโดยไม่จำเป็นต้องไปแตะต้องเศรษฐกิจพอเพียง หรือบุคคลหนึ่งบุคคลใดจะกระทำการใด เพราะเป็นสิทธิและเสรีภาพที่สามารถกระทำได้ แต่ในกรณีที่มีการไปด่าหรือด้อยค่าแล้วอาจจะมีการพาดพิงถึงเรื่องที่มีความอ่อนไหว จึงเห็นว่าเป็นสิ่งที่นายอุดมจะต้องตอบสังคมให้ชัดเจน หากนายอุดมชัดเจน ตนก็ชัดเจน ตนเรียกร้องในขณะที่เป็นลูกผู้ชายด้วยกัน
เมื่อถามว่าเมื่อยื่นเรื่องแล้วกังวลหรือไม่หากถูกนายอุดมจะฟ้องกลับ กรณีอาจทำให้เกิดความเสียหาย นายสนธิญา กล่าวว่าตนมายื่นเพียงให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้น และมีหลายคนออกมาต่อว่านายอุดม แม้จะมีบางคนเห็นด้วยก็เป็นเรื่องปกติของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และนายอุดมก็เป็นบุคคลสาธารณะ อีกทั้งนำเข้าสู่ระบบออนไลน์ ดังนั้นเป็นเรื่องของระบบสาธารณะที่จะต้องทวงถามกันได้ ส่วนจะฟ้องก็ฟ้องไป ซึ่งตนเคยทำในกรณีดารา call out มีการยื่นฟ้องตน แต่อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง และตนจะฟ้องกลับ หากตนไม่ผิด นายสนธยายังกล่าวติดตลกว่า อย่าลืมนะครับผมมีหมายจับเกือบทุกอาทิตย์ ซึ่งผมก็ไม่ได้กลัวเพราะผมทำในเรื่องที่ถูกต้อง และอย่างอาทิตย์ที่แล้วศาลท่านก็ยกเลิกหมายจับผม
“ดังนั้นการทำงานเหล่านี้ผมทำงานเพื่อสังคม และสามารถตรวจสอบผมได้ตลอดเวลา ผมจึงไม่ได้กลัว และคุณจะฟ้องก็ฟ้องมา แต่ผมเอาเรื่องจริงและวันนี้ ผมก็มาทวงถามว่าที่คุณพูดหมายรวมถึงนโยบายหลักใหญ่ของประเทศที่ประชาชนเข้าใจไปว่าคุณพูดรวมไปถึงตรงนั้นด้วย หากคุณตอบว่าไม่ใช่ ก็จะเป็นข้อดีของคุณโน้ส คุณตอบว่าไม่ใช่ทุกอย่างก็จบ แต่ถ้าคุณตอบว่าใช่รวมถึงเศรษฐกิจพอเพียง ก็จะเป็นเรื่องใหญ่ก็เท่านั้นเอง คุณตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ ถ้าคุณตอบว่าไม่ใช่ผมเองก็ไม่ระรานคุณ ถ้าคุณตอบว่าใช่ ผมก็ร้องตำรวจให้ดำเนินการตามกระบวนการต่อไป” นายสนธิญา กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.ทิพากร ภายหลังรับหนังสือว่าจะส่งเรื่องนี้ให้เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องไปตีความและตรวจสอบเนื้อหาว่ามีส่วนใดเสียหายหรือผิดพลาดบ้าง หลังจากนี้ก็จะส่งความคืบหน้ากลับไปให้ทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสนธิญา เคยยื่นหนังสือให้มีการตรวจสอบเนื้อหาการเดี่ยวไมโครโฟน 13 ที่มีการพูดพาดพิงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นหลายประเด็นเมื่อปี 2565 ซึ่งหลังจากพลเอกประยุทธ์ได้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและดำรงตำแหน่งองคมนตรีแล้วนายสนธิญา ได้ถอนเรื่องดังกล่าวออกไป