ลูกค้าสาวเครียดจัด ถอยป้ายแดงอีวีแบรนด์ดัง ก่อนเจอหั่นราคา พ้อ เสียหายไป 1.5 แสน

หลังออกมาประกาศหั่นราคาเป็นแสน สำหรับ  BYD RÊVER Thailand ที่ปรับราคา BYD DOLPHIN รุ่น Standard Range จากราคา 699,999 บาท เหลือ 559,900 บาท และ BYD DOLPHIN รุ่น Extended Range จากราคา 859,999 บาท เหลือ 699,900 บาท สร้างความฮือฮาให้กับแวดวงรถอีวีไม่น้อย

หั่นราคาอีก! BYD จัดหนัก ลด DOLPHIN จาก 859,999 เหลือแค่ 699,900 บาท
แต่ก็ทำให้เหล่าผู้ซื้อรถไฟฟ้า BYD ต่างรู้สึกเซ็งไม่น้อย ที่พลาดโอกาสได้ซื้อรถราคาถูกกว่าไปในเวลาเพียงไม่กี่วัน

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้โพสต์ลงในกรุ๊ป BYD Dolphin Thailand ที่มีสมาชิกนับแสนคนว่า

“ด้วยเหตุลด 140,000 เครียดทุกวัน เริ่มจะเป็นซึมเศร้าแล้วค่ะ
ไม่สามารถ move on จากเหตุการณ์นี้ได้เลยค่ะ
เราซื้อรถตอนลด 40,090 บาทนะคะ โดยเซลส์บิ้วค่ะ ให้รีบซื้อ เพราะราคาอาจจะกลับมาเท่าเดิม เลยซื้อวันสุดท้ายของแคมเปญที่เซลส์แจ้งคือ 30 เม.ย. พอหลัง เม.ย ราคาก็ไม่ได้ดีด ก็ไม่เป็นไร
แต่วันที่ 22 มิ.ย. ลดจาก 40,090 เพิ่มอีก 100,000บาท และยังแถมฟิล์ม ซึ่งเราติดเองกับ byd ราคา 9,630 บาท ที่จริงมันไม่ใช่แค่ลดราคา 1 แสน หรือ 140,090 นะคะ แต่สำหรับคนผ่อนมันมากกว่านั้นมากๆ ค่ะ
เราขอสินเชื่อผ่านโดยไม่ต้องใช้เอกสารอะไรเพิ่มเติม โดยเซลส์แจ้งว่า สถาบันการเงิน กำหนดว่าเราเลือกดาวน์และผ่อนต่อเดือน อันไหนก็ได้ แต่ต้องมียอดผ่อนต่อเดือนสูงสุดไม่เกิน 9,000 บาท ถ้าอยากผ่อนมากกว่านี้ต้องยื่นเอกสารเพิ่ม ซึ่งไม่รู้จะผ่านไหม ถ้าไม่ผ่านต้องเปลี่ยนค่ายสินเชื่อ และสินเชื่ออื่นต้องยื่นเอกสารต่างๆมากมาย เราเลยเชื่อเซลส์และไม่ได้ยื่นเอกสารเพิ่ม จึงเลือกดาวน์ 20% ผ่อน 72 งวด = 131,980 + 8,736×72 ติดฟิล์มอีก 9,860 บาท ทั้งหมด คือ 744,912 บาท
แต่ยอดใหม่ ด้วยความที่ลดเพิ่มไปเยอะ ยอดจัดจึงน้อยลงมาก ยึดที่เซลส์บอกว่าเราผ่อนได้ไม่เกิน 9,000 ต่อเดือน เราสามารถเพิ่มเงินดาวน์อีก 30,000 เลือก ดาวน์ 30% คือ 167,970 ผ่อน 8,812 48งวด = 167,970+8,812×48 ฟรีฟิล์ม = 590,946 บาท
สรุป 744,912 – 590,946 = 153,966 บาท นี่คือส่วนต่างที่เราสูญเสียไป จากแค่ลดเพิ่ม 100,000 บาท ตอนนี้เราเครียดทุกวัน นอนไม่หลับ ในหัวมีแต่เรื่องนี้ พยายามเอาคำพูดบวกๆ จากพี่ๆ ในกลุ่ม จากคนรอบข้างมาคิด พยายามเปลี่ยนทัศนคติแล้ว แต่ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ move on กลับมาที่เดิม ตอนนี้มีปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตมาก ร้องไห้ทุกวัน กลางคืนก็นอนไม่หลับ กลายเป็นคนนอนหลับยาก จากที่หลับง่ายมากๆ เราสามารถฟ้องบริษัทได้ไหมคะ มันกระทบต่อ ชีวิตเราเกินไปค่ะ”

โดยโพสต์ดังกล่าว มีคนเข้าไปคอมเมนต์หลากหลายนับพันครั้ง แชร์ออกไป 500 กว่าครั้ง อาทิ

“มีคนที่หนักกว่า เราซื้อตั้งแต่ล็อตแรก ไม่มีอะไรแถม ตอนนี้ผ่อนมา 1 ปี ยอดคงเหลือ ยังเยอะกว่าออกใหม่วันนี้อีกค่ะ”
“เราไม่สามารถควบคุมสิ่งที่ผ่านมาได้แล้วหรอกครับ”
“ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ ผมซื้อ Tesla Model Y ไป 4 เดือนลดไป 300,000 บาท เหมือนผ่อน 15 เดือนฟรี เครียดไหมเครียดครับ แต่จำคำ Elon Musk ไว้ แกบอกว่า “พอปรับราคาลง ลูกค้าก็จะขอส่วนต่าง ถ้าเมื่อได้ผมปรับราคาขึ้น มาจ่ายส่วนต่างผมบ้างสิ” ประโยคนี้ก็ช่วยทำให้ผมแบบช่างมันเถอะไปได้ครับ วันนี้เราเลือกแล้วตอนซื้อว่าไหว = อนาคตเราก็ไหว ต่อให้ลดราคาก็ช่างมันครับ”
“ผมซื้อ 699 ผ่านมา 6 วัน ลดไป 4 หมื่น เซงกว่าครับ มันผ่านมาละ อย่าคิดไรเยอะเลย”
“ต้องเข้าใจกลไกการตลาด แบตเตอรี่​ราคาลดลงจาก4-5แสนเหลือ3แสนกว่า ราคารถก็ต้องลดลง”
“Benz bmw ลดเป็นล้านครับ เจ็บกว่าเยอะ”


“ของบางอย่างตกรุ่นไว มีราคาเปลี่ยนแปลงเร็ว ธรรมชาติของมันเป็นอย่างนั้นครับ
อะไรที่ตัดสินใจพลาด เอาไว้เป็นบทเรียนนะครับ สิ่งที่มีค่ามี่สุดคือตัวเรา มีเรา มีครอบครัวเรา มีความสุข หาเงินซื่ออีกกี่คันในอนาคตก็ได้ครับ เป็น กลจ ให้นะครับ”
“เข้าใจความรู้สึกและเป็นกำลังใจให้นะครับ ของผมยังป้ายแดงอยู่เหมือนดอย 1 แสน ก็ต้องปลายผ่านครับ นึกถึงความรู้สึกที่เราตัดสินซื้อครับ ว่า คุ้มแล้วกับราคาตลาดในตอนนั้น”
“รถผมใช้ 2 เดือน จาก 988,000 เหลือ 771,000 แต่ก็ผ่านมันมาได้ 3 ปีแล้ว”