สมรสเท่าเทียมล่าสุด ทำเอาหลายๆ คนในประเทศไทยถึงกับตื่นเต้นและฮืฮอฮาอย่างมาก หลังจากการประชุมพิจารณาร่างกฎหมายที่สำคัญ คือ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ สมรสเท่าเทียม วาระสองและวาระสาม หลังจากที่กรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จ
โดย กฎหมายสมรสเท่าเทียม จากที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้วโดยผลปรากฎว่า มติที่ประชุม 130 ต่อ 4เสียง ให้ความ “เห็นชอบ” เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย โดยมีผู้งดออกเสียง 18 เสียง ซึ่งกฎหมายฉบับดังกล่าว จะมีผลใช้บังคับหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 120 วัน หรือประมาณช่วงปลายปีนี้
งานนี้ LGTBQ+ ในประเทศไทยต่างตื่นเต้นอย่างมาก รวมไปถึงเหล่าคนในวงการบันเทิงอย่าง วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา พิธีกรชื่อดัง ที่ล่าสุดได้ออกมาเปิดใตถึงแพลนจัดงานแต่งและจดทะเบียนสมรสกับ โอ๊ต อัครพล แฟนหนุ่มที่คบกันมานาน ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า ดีใจมากที่ทุกฝ่ายทุกภาคส่วนได้ช่วยเหลือกัน อันนี้ไม่ใช่กฎหมายของคนเดียวที่ทำให้มันเกิดขึ้นแต่ของทุกคนที่รวมพลังกันมา 10 กว่าปี ที่ผลักดันให้มันมีกฎหมายฉบับนี้
พอมีประกาศออกมาว่า “สมรสเท่าเทียม” ผ่านแล้ว รู้สึกอึ้งพอสมควรที่มันสำเร็จแล้ว หลังจากนั้นก็เลยมีงานแต่งในหัว เลยโทรไปจองโรงแรม โทรไปจองฮอลล์ ซึ่งเราก็มีโอกาสได้คุยกับเจ้าของห้างต่างๆ ว่าเราจะจัดงานยังไงดี ซึ่งก็มีงาน 2 แบบในหัว แบบแรกก็แต่งตัวใส่สูทเลย รับแขกได้ประมาณ 200 คน ซึ่งก็จะจัดที่โรงแรมที่วู้ดดี้กับโอ๊ตเคยเจอกัน
ส่วนอีกวันก็จะเป็นที่พารากอนฮอลล์ ก็ตื่นเต้นมากเพราะที่มันใหญ่มาก แล้วเราก็ยังไม่รู้ว่าจะชวนกี่คน แต่เราอยากได้พื้นที่ตรงนั้นไว้ก่อน เราก็อยากจะให้งานแต่งงานของเราไม่เหมือนใคร ยังคิดเลยว่ามีการจ่ายค่าบัตรค่าเข้าดีไหม หรือว่าเราจะชวนดีเจระดับโลกมาและให้ทุกคนจ่าย 3,000 – 4,000 บาท หรือแม้จะจัดทั้งเดือนเลยก็ได้ก็ยังคิดอยู่ เพราะจะเป็นการเฉลิมฉลองงานแต่งธีมต่างๆ ซึ่งตอนนี้คิดเล่นๆ ก็สนุกแล้ว
การจัดงานครั้งนี้เราจะแต่งเพื่อให้เห็นว่าเราเป็นเหมือนทุกคน ซึ่งตอนนี้เราก็คิดไปไกลมาก และอาจจะมีการฮันนีมูนในที่ต่างๆ ซึ่งเราก็แพลนไว้ในหัวแล้วว่าเป็นงานแต่งแบบไหนคอนเซปต์แบบไหน ชุดจะเป็นยังไง อาหารจะเป็นยังไง และใครจะมาบ้าง ซึ่งผมคิดเองหมดเลย งานแต่งครั้งนี้คาดว่าจะจัดขึ้นในช่วงต้นปีหน้า ประมาณวันที่ 10 มกราคม 2568 เพราะจะมีการจดทะเบียนสมรสได้ในช่วงคริสต์มาส
อันนี้ก็เป็นสิ่งที่ล่าสุดที่อัพเดตมา และเราตั้งใจจะจัดงาน 7 วัน 7 ธีม ตอนนี้สถานที่โรงแรมบางแห่งเต็มเกือบหมดแล้ว ส่วนใหญ่มีเกย์ที่ไปจองคิวกัน และเราเป็นคู่ที่ 25 ของโรงแรมนั้น เราก็รู้สึกว่าโชคดีที่จองก่อน เพราะไม่งั้นคงไม่ทันแน่นอน และงบก็คือทุ่มไม่อั้น เพราะนำเงินเก็บในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา
ถามว่าเกิน 100 ล้านไหม เราไม่ขอคุยตัวเลขดีกว่า ขอเป็นประสบการณ์ที่ทุกคนจะได้มีโอกาสสัมผัสอย่างแฮปปี้แน่นอน ไม่อยากให้มองเป็นตัวเลขว่าลงทุนเท่าไหร่ เอาเป็นว่าเราทุ่มจริงๆ มันคุ้มนะทำให้ทุกคนมีความสุข แต่ผมคิดว่าคงแต่งตัวไปเรียบง่าย แต่งานแต่งก็คงมีประมาณ 10 ชุด ผมบอกแค่ 2 วัน แต่จริงๆ จะจัด 7 วัน ทุกคนบอกว่าให้ทำเหมือนอินเดียเลย แต่ 7 วันจะเป็น 7 ธีม แต่คิดว่าจะเป็น 2 งานใหญ่ที่ออกสื่อ ก็คิดมาปีนึงแล้ว แล้วก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในหัว ตอนนี้ภาพมันค่อนข้างชัดแล้วว่าจะมีงานแต่ง จดทะเบียน อันอื่นจะเติมทีหลัง”
ภาพจาก woodytalk
