จากกรณี เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2567 เวลา 17.00 น. พ.ต.ท.มานพ เกียววานิชย์ สว. (สอบสวน) สภ.จังหาร ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนเสียชีวิตผิดธรรมชาติ ภายในสุสานอิ๊กลั๊กเชียงตึ้ง บ.เลิงคา ม.12 ต.ดินดำ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด จึงรุดออกตรวจสอบำร้อมกู้ภัยเมตตาธรามจังหาร ชุดสืบสวน สภ.จังหาร และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ภจว.ร้อยเอ็ด
ถึงจุดเกิดเหตุ เป็นป่าละเมาะใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำชี ใต้ต้นยูคาลิปตัสพบศพหญิง มีกิ่งไม้แห้งปกคลุมร่าง ไม่ทราบชื่อ (ไม่พบเอกสารติดตัว) สภาพศพ นอนหงาย ผมยาวถักเปีย สวมเสื้อคอกลมแขนยาวสีกรม แขนเสื้อมีแถบสีเหลือ สกรีนยี่ห้อยางรถยนต์กางเกงขายาว ลายสกอต สีกรม พบรอยสักดอกกุหลาบสีแดงที่ข้อเท้าด้านขวา สภาพศพขึ้นอืด
พลิกศพผู้ตาย พบยางในของรถจักรยานยนต์รัดที่คอ ที่ข้อมือพบกุญแจล็อกข้อมือไขว้หลัง มีรอยบาดแผลที่ศีรษะ ที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจึงตรวจเก็บพยานหลักฐานแพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อย 3 วัน จึงนำศพส่งผ่าพิสูจน์ที่นิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เพื่อหาอัตลักษณ์บุคคล และหาสาเหตุการเสียชีวิต ก่อนประสานญาติรับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาต่อไป
ล่าสุดเมื่อเช้าวันนี้ 6 พค 67 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สภ. จังหาร ได้พบกับญาติผู้เสียชีวิต แสดงตัวว่าศพผู้ตายเป็นลูกสาวที่หายไปตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2567 เวลาประมาณ 06.00 น. ที่ บ.ท่างาม ต.ปาฝา อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด โดยจดจำจากรอยสักและเสื้อผ้าที่สวมใส่ ทราบชื่อผู้ตายคือ น.ส.สุภัทรา หรือ นิว อายุ 24 ปี ที่อยู่ตามบัตรประชาชร อยู่ม.8 ต.ปาฝา อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด
สอบสวนนางสาว บุษกร อายุ 44 ปี ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้บอกกับตนว่าจะเดินออกไปซื้อกับข้าวมาให้ลูก 2 คน ลูกชาย 8 ขวบและลูกสาววัย 2 ขวบเพื่อรับประทานอาหาร และหลังจากนั้นก็ได้หายไปซึ่งตนก็ได้ออกตามหาตามสถานที่ต่าง ๆ และได้แจ้งความไปหลังจากเกิดเหตุ 24 ชั่วโมง แต่ก็ไม่พบเห็นกระทั่งได้โทรสอบถามสามีชาว จ.สุพรรณบุรี ที่ทำงานอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ก็ไม่พบเห็นผู้ตาย
กระทั่งช่วงค่ำวานนี้ ญาติเห็นข่าวจึงได้เดินทางมาดูศพและยืนยันว่าเป็นลูกสาวของตน เพราะจำรอยสักที่ข้อเท้าขวาได้ ตนก็รู้สึกเสียใจมาก และยังไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เพราะลูกสาวไม่เคยแสดงท่าที หรือไม่เคยเล่าให้ฟังว่ามีปัญหากับใคร แต่มีพฤติกรรมแอบคุยโทรศัพท์คนเดียว เวลามีคนเดินผ่านก็จะหลบไม่ให้คนเห็น
เบื้องต้นชุดสืบสวน สภ. จังหาร ได้สนธิกำลังกับชุดสืบสวน ภจว.ร้อยเอ็ด และชุดสืบสวนกองกำกับการตำรวจภูธรภาค 4 ได้วางแผนลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและหาพยานหลักฐานในจุดเกิดเหตุ เพื่อเชื่อมโยงกับจุดที่ผู้ตายได้หายตัวไป เบื้องต้นตั้งปมการก่อเหตุไว้ให้น้ำหนักที่เรื่องชู้สาว เหตุชิงทรัพย์ เหตุซึ่งหน้า ซึ่งจะได้ตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ที่ผู้ตายทิ้งไว้กับลูกสาวก่อนหายตัวไป เพื่อเร่งรวบรวมพยานหลักฐสน ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย