วันที่ 10 มี.ค. นายกฯ อิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนั่งเป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 พิจารณาโครงการเงินดิจิทัลเฟส 3 ซึ่งเป็นเฟสสุดท้าย สำหรับบุคคลที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งยังเหลือผู้ได้รับสิทธิประมาณ 17.5 ล้านคน ใช้งบประมาณ 175,000 ล้านบาท
รอดูมติที่ประชุมว่าจะพิจารณาให้ทยอยใช้เงินดิจิทัลแบ่งเป็นเฟสๆ หรือให้ใช้พร้อมกันทีเดียว ขณะที่การจัดทำแอปพลิเคชันทางรัฐ ซึ่งเป็นการดำเนินการของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือดีจีเอ ได้ดำเนินการเสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างการทดสอบระบบ จึงคาดว่าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟสสาม จะเริ่มใช้จ่ายได้ในช่วงกลางเดือน พ.ค. 68 หรืออย่างช้าต้นเดือน มิ.ย. 68
ผู้ได้รับจะต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย มีอายุตั้งแต่ 16 ปีบริบูรณ์ ก่อนวันที่ 16 ก.ย.67 เป็นผู้ที่มีรายได้ปีภาษี 2566 ไม่เกิน 840,000 บาท มีเงินฝากกับธนาคาร ณ วันที่ 31 มี.ค.รวมกันเกิน 500,000 บาท ที่ไม่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ ไม่เคยฝ่าฝืน ถูกระงับสิทธิ หรือถูกเรียกเงินคืนจากมาตรการหรือโครงการอื่น ๆ ของรัฐบาล มีความเป็นไปได้ว่าจะให้กลุ่มวัยรุ่นที่มีอายุ 16-20 ปี ที่มีประมาณ 2 ล้านกว่าคน งบประมาณกว่า 2 หมื่นล้านบาท ได้ใช้ก่อน เพราะมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการใช้เทคโนโลยี ซึ่งจะช่วยเป็นการทดสอบระบบเงินดิจิทัลไปในตัว
ในส่วนการใช้จ่ายและร้านค้าที่เข้าร่วม จะยกเลิกการใช้เนกาทีฟ ลิสต์ (negative list) หรือกลุ่มสินค้าห้ามซื้อ 19 รายการ เช่น สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ ทองคำ น้ำมันเชื้อเพลิง แต่เปลี่ยนมาเป็นการห้ามไม่ให้ร้านค้าบางประเภทเข้าร่วมแทน เช่น ผับ บาร์ ร้านขายสุรา หรือบุหรี่เพียงอย่างเดียว ร้านขายทอง ขายเพชร สถานีบริการน้ำมัน ร้านขายลอตเตอรี่ เป็นต้น ส่วนร้านโชห่วย ร้านธงฟ้า ร้านอาหารที่มีการขายสุรา บุหรี่ รวมอยู่ด้วยสามารถเข้าร่วมได้ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนว่า สินค้าไหนซื้อได้หรือไม่ได้ ส่วนร้านสะดวกซื้อ เช่น เซเว่นอีเลฟเว่น ยังเข้าร่วมได้
กระทรวงการคลัง ยังเสนอปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการแคช เอาต์ หรือการให้ร้านค้าถอนดิจิทัลออกมาเป็นเงินสดได้ง่ายขึ้น โดยจากเดิมร้านค้าที่ถอนเงินสดได้จะต้องอยู่ในระบบภาษีเท่านั้น เปลี่ยนมาเป็นร้านค้ารายย่อยที่ไม่อยู่ในระบบภาษีก็สามารถถอนเงินสด เพื่อจูงใจให้เข้าร่วม และให้มีเงินหมุนเวียนในผู้ประกอบการรายย่อยแทนรายใหญ่