โดยทาง “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ได้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เคสนี้เป็นเคสที่ยากมากเนื่องจากตัวเหยื่ออยู่นอกอาณาเขตประเทศไทย จึงยากต่อการสื่อสารและประสานงาน แต่ต้องชื่นชมน้องว่าน้องมีสติมาก ที่หาทางติดต่อและรายงานความเคลื่อนไหวตลอดเวลาที่อยู่บนรถระหว่างถูกนำตัวมาส่งที่ ปอยเปต
น้องเล่าว่าตอนแรก น้องเข้าใจว่าแค่มาทำงานที่จังหวัดสระแก้ว ไม่คิดว่าจะถูกพาตัวมาข้ามแดนกว่าจะรู้ตัวก็กลับตัวไม่ได้แล้ว
งานที่น้องทำมีลักษณะคล้ายคอลเซนเตอร์ ช่วงเช้าต้องหลอกคนให้ได้ 10 คน ถ้าทำไม่ได้จะไม่ได้กินข้าวและถูกซ้อม เมื่อเช้านี้เพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นคนไทยที่ทำงานในที่เดียวกันกับน้องก็เพิ่งถูกซ้อมและทำร้ายร่างกายไป
ก่อนหน้าที่แก๊งดังกล่าวจะนำตัวน้องมาส่งที่ปอยเปตน้องกำลังจะถูกส่งตัวข้ามแดนไปที่เวียดนามแต่ทางต้นสังกัดที่หลอกน้องไปทำงานอ้างว่าน้องไปไม่ได้ เอกสารไม่ผ่าน จึงจะนำตัวน้องกลับมาส่งที่ปอยเปตคาดว่าจะนำมาค้าแรงงานให้อีกกลุ่มหนึ่งในปอยเปต
ต้องยอมรับว่าเคสนี้เหมือนปาฏิหารย์เพราะเหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร ด้วยอายุน้องและการติดต่อข้ามประเทศนั้นค่อนข้างลำบาก แต่ต้องชื่นชมเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น
– กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 3
– ตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว
– กรมทหารพรานที่ 12 กองร้อยทหารพรานที่ 1201
– สืบสวน สภ.คลองลึก และผู้กำกับ สภ.คลองลึก
– พมจ.สระแก้ว
– บ้านพักเด็ก จ.สระแก้ว
– สืบสวน สภ.ปลวกแดง จ.ระยอง
– คุณเบิร์ด ผู้ประสานงานช่วยเหลือคนไทยในต่างแดน
– พี่ต้อย มูลนิธิวินวิน
ที่ประสานงานช่วยเหลือและบูรณาการร่วมกันจนนำตัวน้องกลับมาอยู่ในอ้อมกอดแม่และพ่ออย่าปลอดภัย
หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะขยายผลเพื่อจับกุมผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการในครั้งนี้เพื่อปราบปรามแก๊งจีนเทาไทเทาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกมิติที่สร้างความเดือดร้อนให้กับคนไทยให้สูญสิ้น
ขอให้เคสนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับเด็กและผู้ใหญ่ทุกคนที่กำลังมีความคิดอยากจะทำงานในลักษณะนี้ มันไม่ได้สวยหรูอย่างภาพที่คุณวาดฝันไว้ มันมีแต่ความรุนแรงความสิ้นหวังและการกดขี่ ควรมีสติในการใช้ชีวิตและตัดสินใจทำอะไรในชีวิต เพราะคุณอาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนน้องมุกก็เป็นได้
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน
