เมื่อรู้สึกคันหลายคนมักนึกถึงอาการแพ้ แต่บางครั้งอาการคันก็อาจเป็นสัญญาณของมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีอาการคันที่ 2 ส่วนนี้ อาจเป็นสัญญาณเตือนของ “มะเร็งตับ”
ตับเป็นอวัยวะที่ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย เปลี่ยนแปลงยา ประมวลผลสารอาหาร และผลิตโปรตีนและสารเคมีที่สำคัญต่อสุขภาพ ดังนั้นตับจึงมีความเสี่ยงที่จะได้รับความเสียหาย ซึ่งหากความเสียหายที่เกิดขึ้นในตับไม่ได้รับการตรวจพบและรักษา ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งตับได้
มะเร็งตับ เป็นหนึ่งในมะเร็งที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงมาก ผู้ป่วยหลายรายจะไม่มีอาการชัดเจนในระยะเริ่มต้น และมักไม่ได้รับการตรวจพบจนกระทั่งเป็นระยะที่ล่าช้า ซึ่งจะทำให้การรักษายากขึ้น ดังนั้น การตรวจพบสัญญาณของมะเร็งตับในระยะเริ่มต้นและการดูแลตับเมื่อมีปัญหา จึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันมะเร็งตับ
อาการคันที่ 2 ส่วนนี้อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งตับ
อาการคันที่ผิวหนัง
อาการคันที่ผิวหนังเป็นอาการทั่วไปของการแพ้หรือปัญหาผิวหนังต่างๆ เช่น ผื่นผิวหนัง หรือภูมิแพ้ผิวหนัง อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีอาการคันที่ผิวหนังอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของมะเร็งตับ ซึ่งมักเกิดจากกระบวนการการเปลี่ยนแปลงของน้ำดีที่ถูกรบกวนเมื่อเกิดปัญหากับตับ ทำให้สารน้ำดีสะสมในร่างกายมากเกินไป และเมื่อสารน้ำดีเข้าไปในเลือดจะทำให้เกิดการระคายเคืองและคันที่ผิวหนัง
นอกจากอาการคันแล้ว มะเร็งตับอาจทำให้เกิดผื่นและความเสียหายที่ผิวหนังหลายรูปแบบ ซึ่งอาจเกิดจากการที่ร่างกายไม่สามารถขับสารพิษออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สารพิษสะสมและทำให้เกิดการระคายเคืองผิว ผู้ป่วยอาจพบผื่นแดง คัน หรือมีแผลที่ต้องการการดูแลทางการแพทย์
อาการคันที่ดวงตา
หากรู้สึกคันที่ดวงตาอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ได้ลองทุกวิธีเพื่อบรรเทาอาการแล้ว ควรระวังเรื่องมะเร็งตับด้วยเช่นเดียวกัน บางคนเชื่อว่าเมื่อเป็นมะเร็งตับ ดวงตามักจะขาดเลือดส่งผลให้ตาแห้งและคัน แต่โดยทั่วไปแล้วในกรณีของมะเร็งตับ อาการคันที่ผิวหนังจะพบได้บ่อยกว่าคันที่ดวงตา
**คำเตือน: แม้ว่าทั้งสองอาการนี้อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งตับ แต่ไม่ต้องตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะอาการคันที่ผิวหนังและดวงตายังเป็นอาการของปัญหาสุขภาพอื่นๆ ด้วย สิ่งสำคัญคือการสังเกตสัญญาณผิดปกติในร่างกาย และควรไปตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคร้ายต่างๆ
อาการอื่นๆ ของมะเร็งตับ
นอกเหนือจากอาการคัน มะเร็งตับอาจทำให้เกิดอาการอื่นๆ ที่สำคัญ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเมื่อมะเร็งได้พัฒนา หรือเมื่อมะเร็งมีความรุนแรงมากขึ้นและยากต่อการรักษา ได้แก่
- อ่อนเพลียและเหนื่อยล้า
- ปวดท้อง
- ท้องบวมจากการสะสมของของเหลว (ท้องมาน)
- ปวดที่ไหล่ขวา
- เบื่ออาหารและรู้สึกคลื่นไส้
- น้ำหนักลด
- ผิวหนังและตาเหลือง (ดีซ่าน)
- อุจจาระซีด
- มีไข้
วิธีปกป้องและป้องกันมะเร็งตับ
นอกจากการสังเกตอาการแล้ว การปกป้องตับและการป้องกันมะเร็งตับก็เป็นสิ่งที่หลายคนสนใจ โดยการดูแลตับสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ออกกำลังกายเป็นประจำ, หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์, ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีและซี, บริโภคอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และควบคุมการใช้ยา โดยควรใช้ยาและอาหารเสริมตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อการทำงานของตับ
- ทีวียังไปถ่าย “หมู่บ้านไร้มะเร็ง” สัมภาษณ์จนรู้เคล็ดลับ แค่กิน 1 สิ่ง สุขภาพดีแถมอายุยืน
- ลองคว่ำมือดู หมอเผยชัดๆ หาก “หลังมือ” มี 4 สิ่งนี้ ทำนายได้ว่าจะ “อายุยืนยาว”