เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 17 ธันวาคม 2567 ร.ต.ท.ธนกานต์ ทับขำ รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งมีคนถูกกระแสไฟฟ้าช็อตหมดสติที่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.บางลึก อ.เมือง จ.ชุมพร จึงพร้อมด้วยหน่วยกู้ชีพ กู้ภัย โรงพยาบาลวิรัชศิลป์ ไปตรวจสอบเข้าช่วยเหลือในเบื้องต้น ที่เกิดเหตุเป็นปูนชั้นเดียวยกพื้นสูง สร้างแบบทรงไทยสีขาว มีบริเวณกว้างขวางและมีรั้วรอบขอบชิด อยู่ติดกับถนนทางหลวงหมายเลข 360 สายชุมพร-ท่าแซะ และเป็นถนนที่มีโกดังศูนย์กระจายสินค้าอยู่หลายแห่ง บริเวณรอบๆ บ้านหลังเกิดเหตุยังมีระดับน้ำท่วมขังรอบๆ บ้าน ประมาณ 80 ซม. เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้หน่วยงานไฟฟ้ามาตัดกระแสไฟฟ้าก่อน แล้วนำรถลุยน้ำเข้าในที่บ้านหลังเกิดเหตุ เป็นไปด้วยความยากลำบาก และต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะเข้าถึงที่หมาย
เจ้าหน้าที่พบชายสวมเสื้อแขนยาวสีขาว ทับเสื้อยืดแขนสั้นสีน้ำเงิน กางเกงยืดขาสั้นสีดำ นอนหมดสติอยู่หายใจอ่อนรวยรินอยู่หน้าบ้าน จึงได้ทำการช่วยชีวิตโดยการทำ CPR ปั๊มหัวใจ และนำตัวผู้บาดเจ็บขึ้นรถนำตัวส่งโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ แต่ไม่นานได้เสียชีวิตลง ทราบชื่อคือ นายสุจินต์ บุษบรรณ อายุ 61 ปี ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบบนพื้นหน้าบ้านที่ถมสูงยังมีน้ำท่วมขังประมาณ 20-30 ซม. มีไดโวสูบน้ำวางจมน้ำอยู่ และสายไฟสีดำยาวประมาณ 5 เมตร ลากยาวมาจากปลั๊กไฟที่ผนังปูนหน้าบ้านใกล้กับหน้าต่าง ซึ่งบนพื้นปูนหน้าบ้านยังมีน้ำอยู่ปริ่มๆ และตะไคร่ดินโคลนจับอยู่ทั่ว
จากการสอบสวนทราบว่า นายสุจินต์ หรือ “นายหัวหมึก” เป็นนักธุรกิจระดับ 100 ล้าน เป็นเจ้าของสถานีบริการน้ำมันครบวงจรขนาดใหญ่ชื่อ “ปตท.ทองมีการปิโตรเลียม” และมีสาขาอยู่หลายแห่งในตัวเมืองชุมพร เป็นคนพูดจาดี เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป มีบ้านอยู่ในเขตเทศบาลเมืองชุมพร วันเกิดเหตุนายหัวหมึก ได้เดินทางมาที่บ้านหลังดังกล่าว เพื่อมาทำความสะอาด หลังจากน้ำท่วมใหญ่เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา แต่น้ำยังลดไม่หมด โดยรอบๆ ตัวบ้านยังมีน้ำสูงประมาณ 50-80 ซม. ส่วนบนบ้านที่ยกพื้นสูงยังมีน้ำอยู่ปริ่มๆ คาดว่าระหว่างที่นายหัวหมึกนำไดโว่มาเสียบปลั๊ก เพื่อสูบน้ำจากหน้าบ้านออกไปทิ้งนอกบ้าน ปรากฏว่าพื้นบ้านยังมีน้ำอยู่ปริ่มๆ และความเปียกชื้น ทำให้ไฟฟ้าเกิดลัดวงจร แล้วกระแสไฟได้ช็อตไปที่ร่างของนายหัวหมึก จนล้มหมดสติลงบริเวณหน้าบ้าน และญาติเห็นว่าไปนานผิดปกติได้ตามไปดู พบว่านอนหมดสติอยู่หน้าบ้านจึงแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือดังกล่าว
จากการสอบถามพนักงานขับรถกู้ชีพ เล่าว่า หลังรับแจ้งได้รีบไปช่วยเหลือ ในครั้งนี้มีความล่าช้าเพราะที่เกิดเหตุทางเข้าบ้านมีระดับน้ำท่วมขังสูงประมาณ 80 ซม. และต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ไฟฟ้าตัดไฟเสียก่อน และบ้านหลังเกิดเหตุพื้นบ้านลื่นมาก เนื่องจากยังมีโคลนตม และตะไคร่น้ำอยู่ทั่ว จากเหตุการณ์น้ำท่วมในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ต้องทำงานด้วยความระมัดระวังอย่างมาก เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ขณะที่ญาติไม่ติดใจในสาเหตุของการเสียชีวิต หลังเสร็จจากการชันสูตรศพ จะส่งมอบให้ญาตินำประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป